Douluo Dalu 4.5 : ตอนที่14 อาไตและเด็กสาว

ตอนที่14 อาไตและเด็กสาว


ขณะที่เขาเผลอหลับไป มีเงาแสงหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาข้างเตียงของเขาอย่างเงียบๆ น่าแปลกที่เงานี้คือจางกงเว่ย เขาปรากฏตัวมาพร้อมรอยยิ้ม
.
เขาอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อมองดูเด็กที่นอนอยู่ตรงหน้าของเขา ถ้าเขาได้เลือกตามใจเขาเองจริงๆ เขาจะเลือกมาอยู่แผนกนี้หรือไม่?
.
ยิ่งมองดูเด็กข้างหน้าของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเอง เมื่อก่อนเขาเลือกคุณสมบัติแสงก็เพราะว่ามันโดดเด่นน้อยที่สุด เพราะความขี้เกียจของเขา แต่ในที่สุดเขาก็กลายเป็นอัจฉริยะของคุณสมบัติแสงไปทีละขั้นตอนจนถึงปัจจุบัน
.
เขายังจำได้ชัดเจนในสมัยที่เขาเรียนอยู่ ความประหม่าเมื่อตอนที่เขาส่งข้อความให้ภรรยาของเขา เขาจำช่วงเวลาที่งดงามในตอนนั้นได้ทุกช่วงเวลา
.
เงาแสงจางๆปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอย่างเงียบๆ ในเงาคือภาพ และตัวเอกในภาพคือหลิงอวี่โม่ที่กำลังหลับอยู่
.
...
.
ภายในเมืองเชร็ค
.
หลิงอวี่โม่สวมเสื้อผ้าที่หรูหราและเดินเข้าไปในเมืองเชร็คด้วยความอยากรู้อยากเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเยือนเมืองเชร็ค แต่เขารู้อยู่เสมอว่าเมืองเชร็คมีตำแหน่งสูงส่งอย่างมากในสหพันธ์โต้วหลัวทั้งหมด และความเจริญของที่นี่ ก็ทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา
.
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยไปในเมืองที่รุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ที่เมืองแห่งนี้มีการตกตะกอนทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่มากมาย และเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจมาก
.
ดังนั้นเขาพึ่งมาที่นี่ และตอนนี้เขาก็ชอบมันมาก เขาอดไม่ได้ที่จะส่งข่าวกลับไปบอกครอบครัว และยังถามอีกว่าเขาจะสามารถซื้อบ้านในเมืองเชร็คได้หรือไม่ ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร เขาก็อยากมาอยู่ที่นี่ในอนาคต
.
และคำตอบที่เขาได้รับก็คือ เมืองเชร็ค มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก หากคุณต้องการซื้อบ้านที่เมืองนี้ คุณไม่จำเป็นต้องรวย
.
ในขณะที่หลิงอวี่โม่กำลังเดิน ทันใดนั้นเขาก็เห็นเด็กสองคนที่อายุน้อยกว่าเขาตรงหัวมุมถนน
.
เป็นชายและหญิง พวกเขานั่งยองๆอยู่ในมุมมืดราวกับว่ากำลังพูดอะไรบางอย่าง เสื้อผ้าของพวกเขาไม่ปกติ มันขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย
.
นี่คือ....ขอทาน? ยังมีขอทานอยู่ในเมืองเชร็คอีกหรือ? หลิงอวี่โม่เดินไปดูอย่างเงียบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น
.
ในความประทับใจของเขา เมืองเชร็ค คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสหพันธ์โต้วหลัว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์วิญญาณ มีขอทานในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ? ความประทับใจของหลิงอวี่โม่ที่มีต่อเมืองเชร็คลดลงทันที
.
เมื่อยืนอยู่ตรงหัวมุม เขาได้ยินการสนทนาระหว่างเด็กสองคน "กินเร็วเข้า น้องสาว" เด็กชายกระซิบบอกเด็กสาวตัวเล็กด้วยอาการติดอ่างเล็กน้อย
.
เด็กสาวตัวเล็กๆพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า โดยถือเศษอาหารอยู่ที่มือดูเหมือนว่าจะเป็นซาลาเปา เขากัดซาลาเปาในมือคำโตๆ เห็นได้ชัดว่าเขาหิวมาก
.
ผ่านไปสักพัก อาหารในมือเด็กสาวเหลือครึ่งนึง จู่ๆเธอผงกศรีษะขึ้นและหยุดกิน เธอยื่นอาหารให้เด็กชาย: "พี่อาไต พี่ก็กินบ้างสิ" ฉันไม่หิว ฉันไม่กิน
.
ฉันจะไปทำงานให้ลุงหลี่ ลุงหลี่กลับมาแล้ว นั่งกินแล้วรอฉันอยู่ที่นี่ พูดแล้วเด็กน้อยก็ลุกขึ้นยืน ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ดังนั้นหลิงอวี่โม่จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน
.
เด็กน้อยเยี่ยเอ๋อร์ดูธรรมดา ใบหน้าสกปรกเล็กน้อย นัยน์ตาของเธอดูมัวหมอง
.
หลังจากเดินออกจากมุมถนนแล้ว เด็กน้อยก็เริ่มเดินไปบนถนนอย่างไร้จุดหมาย เขากำลังทำอะไรอยู่?
.
ในไม่ช้าหลิงอวี่โม่ก็รู้ เมื่อเด็กน้อยเดินผ่านคนแต่งตัวดี นิ้วของเขาก็ล้วงกระเป๋าเงินจากแขนของคนๆนั้นอย่างคล่องแคล่ว
.
หลิงอวี่โม่เกือบจะตะโกนออกมา แต่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขาเอามือปิดปากทันที ทำให้ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมา
.
หลังจากขโมยกระเป๋าเงินแล้ว เด็กน้อยรีบกลับไปที่มุมมืดอย่างรวดเร็ว เขาจูงมือเด็กสาวคนนั้นแล้วหันหลังเดินจากไปทันที หลิงอวี่โม่ตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นโดยไม่รู้ตัว ความเห็นอกเห็นใจแต่แรกของเขานั้นหายไปหมดทันที
.
เขาไม่เคยเห็นอะไแบบนี้มาก่อน
.
หลิงอวี่โม่เดินตามพวกเขาไปตรงซอยมืด ในไม่ช้าเขาก็ได้ยินเสียงดังอยู่ข้างหน้าเขา
.
ไกลออกไป ดูเหมือนจะมีขอทานที่แต่งตัวเหมือนเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนี้รวมตัวกันอยู่ที่นั่นมากมาย
.
ในหมู่พวกเขามีชายที่ร่างสูงเป็นพิเศษกำลังตะโกนบางอย่าง
.
"ลุงหลี่" อาไต เขาเดินไปกับเด็กสาวและยื่นกระเป๋าในมือให้ลุงหลี่อย่างรวดเร็ว ใช่แล้วชายร่างสูงก็คือลุงหลี่ เขามองดูเงินจำนวนเล็กน้อยในกระเป๋าของ และกล่าวว่า : "เจ้าสวะ ได้แค่นี้เองหรือ? แล้วของนังเด็กผู้หญิงนี่ล่ะ?"
.
เด็กสาวสั่นด้วยความหวาดกลัวและถอยกลับไป : "ลุงหลี่ ฉันทำไม่ได้จริงๆ"
.
"ทำไม่ได้?" ลุงหลี่ยิ้ม แล้วหยิบแส้ขึ้นมา ฟาดไปที่เด็กสาว
.
ทันใดนั้นอาไตรีบลุกขึ้นทันที และวิ่งไปที่เด็กสาว ใช้ร่างกายของเขาขัดขวางแส้จากลุงหลี่
.
"ทำไม่ได้หรือ ฉันสอนแกไปแล้วไม่ใช่หรือไง" ลุงหลี่ฟาดแส้ลงอย่างดุเดือด "แกมันโง่เสียยิ่งกว่าโง่ แม้แต่คนโง่ก็ยังเรียนรู้ได้ดี
.
"ลุงหลี่หยุดเถอะ " เด็กสาวนั่งร้องไห้
.
ในไม่ช้าร่างของอาไตก็เต็มไปด้วยเลือดและผิวหนังที่หลุดลอกออกมา
.
ลุงหลี่หยิบแส้และพูดเย้ยหยันว่า : "ถ้าแกอยากจะปกป้องมัน แกก็ทำในส่วนของมันให้สำเร็จ ถ้าทำไม่ได้ ฉันจะปล่อยให้พวกแกอดตาย "
.
อาไตพูดอย่างตะกุกตะกัก
.
ในที่สุดร่างของลุงหลี่ก็จางหายไปทางท้ายซอย หัวของเด็กสาวซบลงที่ไหล่ของอาไต และร้องไห้อย่างหนัก
.
อาไตจ้องมองไปที่ร่างอันบอบบางของเธอ แล้วเอามือเช็ดไปที่จมูกเธอ เขาตบไหล่เธอเบาๆ และพูดว่า "สาวน้อย อย่าร้องไห้ เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?"
.
หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องของเด็กสาวก็หยุดลง เขาเงยหน้ามองดูเด็กชายตรงหน้าเขาและพูดทั้งน้ำตาว่า "พี่อาไต การมีชีวิตอยู่มันเจ็บปวดจริงๆ"
.
เห็นได้ชัดว่าอาไตไม่เข้าใจว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร เขาหยิบขนมปังที่แข็งราวกับก้อนหินครึ่งหนึ่งออกมา แล้วส่งมันให้เธอ ก่อนจะกล่าวว่า "สาวน้อย คุณกินนี่เถอะ เมื่อท้องอิ่ม มันก็จะไม่เจ็บปวด เมื่อกี้เธอน่าจะยังไม่อิ่ม "
.
เด็กสาวมองไปที่เด็กชายที่ดูท่าทางโง่ๆมึนๆ แต่มีท่าทางที่จริงใจมากๆด้านหน้าของเธอ เขาหยิบซาลาเปาขึ้นมา ร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดว่า: "พี่อาไต ทำไมพี่ถึงดีกับฉันนัก?"
.
อาไตพาเด็กสาวไปนั่งที่มุมห้อง เขาถอดเสื้อขาดๆของเขาแล้วคลุมให้เธอ อาไตกอดเธอพลางพูดว่า "ฉันจะปกป้องเธอเอง เธอกินซาลาเปาซะ มันไม่หนาวแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปขโมยแทนเธอเอง" ในขณะที่เขาพูดสายตาก็จดจ้องไปที่ซาลาเปาครึ่งก้อนนั้น ที่เย็นและแข็งราวกับก้อนหิน ในมือของเด็กสาว ด้วยท่าทางน้ำลายไหล
.
เด็กสาวมองไปที่อาไตด้วยท่าทีงุนงงแต่ทำอะไรไม่ถูก เธอแบ่งขนมปังเป็นสองส่วนแล้วยื่นให้อาไตด้วยมือของเขา
.
อาไตกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า "เธอกินเถอะ ฉันไม่หิว"
.
"กินด้วยกัน" เด็กสาวเอาหัวพิงไปที่ไหล่ของอาไตและกล่าวว่า : "ฉันปากเล็กตัวก็เล็ก กินไม่ได้มาก" เขาก้มหัวลงและกัดซาลาเปาเข้าไปส่วนหนึ่งและกลืนมันเข้าไป
.
เขาสำลักเพราะกินเร็วเกินไป "."
.
พี่เป็นอะไรไหม " เด็กสาวหยุดกินและรีบไปหาอาไต
.
"พี่อาไต เมื่อฉันโตขึ้นฉันจะอ่อนโยนและจะแต่งงานกับพี่ อาไตทำท่าลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมา: "แต่งงานคืออะไร?"
.
เด็กสาวแอบถอนหายใจก่อนจะพูดว่า "การแต่งงานหมายความว่าฉันจะเป็นภรรยาของพี่และจะดูแลพี่ไปตลอดชีวิต ฉันจะปฏิบัติต่อพี่อย่างดี ตามที่ฉันพูดและจะไม่เสียใจ ต่อจากนี้ฉันจะเป็นผู้หญิงของพี่" นี่คือการหมั้นหมาย แล้วในอนาคตพี่ต้องดีกับฉันด้วย"
.
อาไตพยักหน้าและพูดว่า "การหมั้น?" โอ้ ได้ ถ้าอย่างนั้นเราจะอยู่ด้วยกันทุกวัน
.
หญิงสาวมองเขาอย่างเหม่อลอยและเงียบไป
.
เป็นเวลาสักพักแล้วที่เด็กสาวได้รับเสื้อคลุมของอาไตมาห่มทำให้ร่างกายของเธออุ่นขึ้นมาก ตอนนี้เขาถอดเสื้อคลุมออกและนำมันกลับไปคลุมให้อาไตอีกครั้ง พร้อมพูดกับเขาว่า : "พี่อาไต ไปขโมยเถอะ ไม่งั้นลุงหลี่จะโมโหเอาอีก เดี๋ยวฉันจะไปกับพี่"
.
อาไตพยักหน้า เขาช่วยประครองเด็กสาวลุกขึ้นและพูดว่า "น้องสาว เธอมีฝีมือดีกว่าฉัน แต่ทำไมเธอถึงเอาเงินคืนให้คนอื่นทุกครั้ง"
.
เด็กสาวถอนหายใจแล้วพูดว่า "พี่อาไต พี่รู้ไหมว่าการขโมยของจากคนอื่นเป็นความผิด?"
.
อาไตส่ายหัวและพูดว่า "แต่ถ้าเราไม่ขโมย เราจะหิวและอดตาย!"
.
เด็กสาวรู้ว่าเธอไม่อาจจะอธิบายให้เด็กชายที่ท่าทางซื่อๆ โง่ๆคนนี้เข้าใจได้อย่างชัดเจน เธอจึงไม่ได้อธิบายต่อและเดินออกจากซอย
.
ทั้งสองเดินไปในย่านที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง เธอตัดสินใจจะช่วยอาไตขโมยสักสองสามคนในวันนี้ เพื่อตอบแทนที่อาไตช่วยเหลือเธอ..
.
ไม่นานนักหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากซอย ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง "สาวน้อยหยุดก่อน"
.
อาไตประหลาดใจและหันกลับไปมองพร้อมกับเด็กสาว และที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาคือ รถม้าที่สวยงามมากคันหนึ่ง มีใบหน้าของหญิงชราโผล่ออกมาจากหน้าต่างของรถม้า เด็กสาวจำได้แม่นว่านี่เป็นคนที่เธอคืนกระเป๋าเงินให้เมื่อไม่กี่วันก่อน
.
"สาวน้อย นั้นใช่เธอจริงๆหรอ! " หญิงชรามีสีหน้ายิ้มแย้ม
.
ม่านของรถม้าถูกเปิดออก ด้วยความช่วยเหลือของคนรับใช้ หญิงชราค่อยๆเดินลงมาจากรถม้า เธอแต่งตัวหรูหรา ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าชั้นดี เป็นสิ่งที่อาไตและเด็กสาวก็ไม่สามารถจะจินตนาการถึงได้ นอกจากนี้ยังมีผ้าคลุมที่ทำมาจากขนสัตว์
.
เด็กสาวพูดด้วยอาการเขิลเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือ?"
.
อาไตคิดว่าหญิงชราจะมาสร้างปัญหาให้เด็กสาว เธอดันหัวเด็กสาวไปด้านหลังของเขา และจ้องมองหญิงชราตรงหน้าด้วยท่าทางขึงขัง
.
หญิงชรายิ้มและพูดว่า "อย่ากลัวเลยเด็กน้อย เธอเอากระเป๋ามาคืนให้ฉัน ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย ทำไมคุณแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าบางขนาดนี้ ในวันที่อากาศหนาวมากเช่นนี้"
.
เด็กสาวส่ายหัวและพูดว่า "ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนขโมยกระเป๋าเงินของคุณไป"
.
อาไตผงะทันที แม้ว่าเขาจะโง่ แต่เขารู้ดีว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนรู้ว่าพวกเขาขโมย เขารีบเอามือปิดปากเด็กสาวและพูดอย่างกังวลว่า "น้องสาว อย่าพูดเรื่องไร้สาระ"
.
หญิงชราไม่ได้สั่งให้คนรับใช้ของเธอทำอันตรายเด็กสาว ตามที่อาไตคิดเอาไว้ แต่เธอยังคงยิ้มและพูดว่า "แล้วทำไมเธอถึงคืนกระเป๋าเงินให้ฉันล่ะ?"
.
เด็กสาวดึงมืออาไตออก และพูดอย่างกล้าหาญว่า : "ฉันคิดว่าคุณคงเป็นกังวล ฉันจึงคืนให้คุณ อย่าทำร้ายเขา เขาไม่เกี่ยว คุณตีฉันได้ถ้าคุณต้องการ"
.
หญิงชรายิ้มและพูดว่า "เธอเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์และจิตใจดีจริงๆ ฉันคิดว่าที่เธอขโมย มันไม่น่าจะใช่สิ่งที่เธออยากทำใช่ไหม แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ?"
.
ตาของเด็กสาวเริ่มแดงและพูดว่า "ฉันไม่มีพ่อแม่ ฉันเป็นเด็กกำพร้า"
.
หญิงชราขมวดคิ้วและถอนหายใจ : "เด็กดีอย่างเธอไม่ควรต้องมาทนทรมานอยู่ข้างนอกแบบนี้ มาเถอะ ไปอยู่กับยาย" แล้วเธอก็โบกมือให้เด็กสาว
.
อาไตกลัวเด็กสาวจะเป็นอันตรายจึงรีบพูดไปว่า : " อย่าไป สาวน้อย เราไปกันเถอะ "
.
เด็กสาวไม่ได้ฟังการโน้มน้าวของอาไต เธอรู้สึกนิดๆว่าหญิงชราที่อยู่ตรงหน้าเธอ อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอได้ เธอก้มหัวและค่อยๆเดินไปหาหญิงชราด้วยอาการสั่นเล็กน้อย
.
หญิงชราจับไปที่ใบหน้าเด็กสาว และผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาจากแขนของเธอ แล้วเช็ดให้เด็กสาวตรงหน้า เธอพยักหน้าพลางพูดไปว่า "เด็กน้อย เธอ..เธอคงลำบากมากเลยใช่ไหม"
.
คุณอยากไปกับยายไหม ยายสามารถให้ชีวิตที่ดีขึ้น และให้คุณได้เข้ารับการศึกษาตามปกติ
.
ตาของเด็กสาวโตเป็นประกาย เธอหันไปมองอาไต เธอเห็นอาไตยืนนิ่งและดูเป็นกังวลเล็กน้อย
.
ว่าไงเด็กน้อย คุณไม่อยากไปกับฉันหรอ สามีของฉันเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอวิ๋นมู่ ที่มีพรมแดนระหว่างจักรวรรดิเตี้ยนเสี้ยนและราชสำนักศักดิ์สิทธิ์ ทุกฤดูเปรียบเสมือนฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่มันหนาวเกินไป"
.
เด็กสาวมองดูเครื่องแต่งกายที่สง่างามของหญิงชรา และถามอย่างไม่แน่ใจว่า : "คุณยาย คุณพาพี่ชายของฉันไปด้วยได้ไหม"
.
หญิงชรามองไปที่อาไต พอดีกับที่อาไตกำลังใช้มือเช็ดขี้มูกของเขาที่ไหลด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ดีนัก แววตาที่รังเกียจฉายผ่านแววตาของหญิงชรา เธอส่ายหัวและพูดว่า "ไม่" เขาพยายามหลอกฉัน เขาไม่ใช่เด็กที่ซื่อสัตย์ ฉันพาคุณไปได้แค่คนเดียว เธอตัดสินใจเถอะ ที่นี่มันหนาวเกินไปจริงๆ
.
เด็กสาวลังเล เธอมองไปที่รถม้าและหญิงชราข้างหน้าเธอ จากนั้นมองกลับไปดูเด็กโง่รูปร่างโทรมๆ เธอพยักหน้าอย่างเฉียบขาดและพูดว่า :"เอาล่ะ ฉันจะไปกับคุณ"
.
หญิงชรายิ้มอย่างพอใจแล้วพูดว่า "อืม. เด็กดี ไปกันเถอะ ไปขึ้นรถม้า เดี๋ยวฉันจะหาที่ ช่วยให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่น้อยชิ้นเกินไป จะหนาวตายเอาได้"
.
เด็กสาวพูดว่า : "คุณยายรอฉันก่อน"
.
ทันใดนั้นเธอก็รีบวิ่งไปหาอาไตอย่างรวดเร็ว :"พี่อาไต ฉันต้องไปแล้ว อย่าโทษฉันเลยนะ ฉันไม่ต้องการมีชีวิตที่อดอยากและไม่มีเสื้อผ้าใส่อีกต่อไปแล้ว พี่อาไต จำที่ฉันพูดนะ เมื่อฉันโตขึ้น ฉันจะกลับมาหาพี่อย่างแน่นอน"
.
อาไตพูดว่า :"สาวน้อย เจ้าจะไปจริงๆหรือ ลุงหลี่จะตีเจ้านะถ้าเขารู้"
.
น้ำตาสองหยดไหลออกมาจากดวงตาของเด็กสาว และเธอพูดว่า "พี่ไม่ต้องกังวล เขาไม่มีโอกาสตีฉันอีกแล้ว ฉันกำลังจะไป พี่จำที่เราพึ่งพูดกันไปนะ ถ้ามีโอกาสก็ไปจากลุงหลี่เถอะ เขาไม่ใช่คนดี หยุดเป็นขโมยเถอะนะ"
.
หลังจากนั้น อาไตกำลังจะถามว่าทำไมเธอถึงมีซาลาเปาถ้าเธอไม่ได้ขโมย แต่เธอก็หันหลังและวิ่งกลับไปหาหญิงชราที่รถม้าแล้ว คนรับใช้ได้ช่วยให้เธอขึ้นรถม้าที่ดูงดงามคันนั้น ก่อนที่ม่านจะปิดลง เด็กน้อยจ้องมองอาไตอย่างลึกซึ้ง เพื่อจดจำรูปลักษณ์ของเขาเอาไว้
.
รถม้าค่อยๆลับสายตา เหลือเพียงอาไตที่ยืนมองดูรถม้าจากไป
.
"เจ้าโง่หรือเปล่า" ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นข้างๆอาไต และเมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มีชายหนุ่มชุดจีนอีกคนยืนอยู่ข้างๆเขา

-----------------------------------------------------------------------------------------




Share:

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

👨‍🏫นักแต่งนิยายจีน

A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U V W X Y Z

คลังบทความของบล็อก

บทความล่าสุด

Heavenly Jewel Change : โจวเหว่ยชิง