Douluo Dalu 4.5 : ตอนที่29 ร่างจำแลงมารฟ้า หรือเรียกอีกอย่างว่า "ทูตตกสวรรค์"

ตอนที่29 ร่างจำแลงมารฟ้าหรือเรียกว่าทูตตกสวรรค์

หาได้ยากนักที่เหล่าราชันเทพจะให้ความสนใจกับสิ่งใด และการแข่งขันของพวกเขาทั้งสี่ เป็นหนึ่งในแผนการของการมาสอนที่โรงเรียนเชร็ค
.
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขี้เกียจ แต่มันก็น่าเบื่อหน่ายเป็นอย่างยิ่งจนพวกเขาต้องหาอะไรทำ ดังนั้นเมื่อเขามาที่นี่เขาก็มีแผนการอยู่แล้ว โดยภายในหนึ่งปีการศึกษาเป็นช่วงเวลาที่พวกเขากำหนดเอาไว้ นักเรียนแต่ละคนที่พวกเขาคัดเลือกมา จะต้องแข่งขันกันเพื่อดูว่าสาวกของใครจะเป็นผู้ชนะ และผู้ชนะจะได้รับรางวัลบางอย่าง รวมถึงการได้เข้าไปสู่รอบต่อๆไป
.
ราชันเทพทุกคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก
.
.....
ความรู้สึกในการเผชิญกับคอขวดหายไปอย่างสมบูรณ์ และการพัฒนาที่ทรงพลังเหมือนได้เกิดใหม่ ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนในวันนี้
.
เมื่อเขาตื่นขึ้นจากการฝึกฝน ก็ถึงยามอาทิตย์อัสดง แสงสว่างก็ค่อยๆจางหายไป
.
ร่างกายของอีเฉินเต็มไปด้วยพลังงาน และสายเลือดก็เหมือนกับแม่น้ำแยงซีที่เปี่ยมไปด้วยพลัง แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีกล้ามเนื้อที่ปูดโปนทั้งตัว แต่เขาก็รู้สึกว่าร่างกายเขาสูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ดูเสถียรขึ้นมาก
.
ในสายตาของเหลยเซียง อีเฉินในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
.
มั่นคง แม้แต่อารมณ์ของเขาก็ดูสงบขึ้นมาก แม้เขาจะยังมีกลิ่นอายของความเป็นเด็ก แต่เขาก็สูงขึ้นมากว่าสิบเซนติเมตรแล้ว ตอนนี้เขาสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรแล้ว และในเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา เขาถือว่าสูงกว่าใครๆอย่างแน่นอน
.
แน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะตัวโตขึ้นอย่างมาก แต่ต่อหน้าเหลยเซียงเขาก็ยังเป็นเด็ก
.
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” เหลยเซียงถาม
.
หลังจากได้ยินคำถามของเขา อีเฉินรู้สึกน้ำตาจะไหล ครู! นี่เป็นครั้งแรกที่คุณถามฉันว่าฉันรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าคุณจะโยนฉันลงมาหรือโจมตีฉันจนลอย คุณไม่เคยถามฉันว่าฉันรู้สึกอย่างไร!
.
แน่นอน เขาแค่คิดอยู่ในใจ ไม่กล้าที่จะพูดออกมา
.
"เหมือนว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาก การฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพพิโรธก็ราบรื่นดี ความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดูเหมือนว่าสายเลือดของฉันมันปะทุได้ตลอดเวลา และฉันเองก็ปราถนาเช่นนั้น นี่มันคือสภาวะความบ้าคลั่งใช่หรือไม่? อีเฉินกล่าวถาม
.
ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น” เหลยเซียงพยักหน้า ดวงตาของเขาดูโล่งอกเล็กน้อย และเขาก็พอใจกับศิษย์คนนี้มากขึ้น
.
"ค่ำแล้ว เตรียมปลุกพลัมารฟ้า " เหลยเซียงกล่าวเบาๆ
.
ร่างกายของอีเฉินสั่นสะท้าน แววตาของเขาสั่นไหว ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างจิตวิทยา แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
.
เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็เตรียมใจมาบ้างแล้ว มาเลย มาเลย
.
ความร้อนรุ่มในร่างกายของอีเฉินค่อยๆหายไปในเวลานี้ ความเยือกเย็นของเคล็ดวิชามารฟ้าค่อยๆเผยออกมาทีละน้อย ก่อนแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา
.
"คุณกำลังจะทำอะไร?" น้ำเสียงเหลยเซียงดูประหลาดใจเล็กน้อย
.
"หือ?" อีเฉินตกใจ
.
เขามองไปที่เหลยเซียง "ครู คุณบอกให้ปลุกพลังไม่ใช่หรือ? หรือว่าต้องใช้แรงกระตุ้น?"
.
“ใครจะไปกระตุ้นคุณ? การปลุกพลังของมารฟ้านั้นแตกต่างจากความบ้าคลั่ง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการกระตุ้น
.
"เหลยเซียงพูดด้วยท่าทีโกรธเคืองเล็กน้อย แต่เขาก็อดที่จะขำไม่ได้ ศิษย์คนนี้ดูเหมือนจะกลัวเขาเล็กน้อย"
.
เจ้านี่นะ! ความกล้าของเจ้าเนี่ยมากกว่าข้าในสมัยเด็กๆเสียอีก
.
อีเฉินยังไม่คลายกังวล เพราะเขาก็ไม่คิดว่าครูของเขาจะพูดคุยอย่างเปิดเผยกับเขา เขามองดูครูของเขาอย่างระแวดระวังเพื่อจะหลบเลี่ยงได้ทันท่วงที
.
“ตามข้ามา แล้วท่องคาถาเพื่อกระตุ้นพลังเวทที่คุณฝึกฝนด้วยวิชามารฟ้า เหลยเซียงกล่าวด้วยท่าทางนิ่งเฉย
.
"คาถาอะไร?" อีเฉินกล่าว
.
จากนั้นเขาก็เห็นเหลยเซียง เบื้องหน้าเขาท่องคาถาด้วยเสียงที่ต่ำดังออกมาจากปากของเขา
"ความมืดบดบังจิตวิญญาณ ข้าเป็นอิสระจากความตาย จงตื่นขึ้นเถิด มารฟ้าในตัวของข้า!"
.
เสียงท่องมนต์ที่ก้องกังวาล ดั่งเสียงพระโพธิสัตย์ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่พิเศษ อีเฉินรู้สึกเพียงว่าอุณหภูมิรอบตัวของเขาลดลงอย่างกระทันหัน และเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับครูของเขาที่อยู่ตรงหน้า
.
ใบหน้าของเหลยเซียงดูเหมือนจะซีดลงกว่าก่อนหน้านี้ และแสดงออกถึงความเย่อหยิ่ง แม้แต่ดวงจันทร์บนฟ้าก็ยังดูอับแสงลงในเวลานี้
.
ร่างของเหลยเซียงไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักแต่ด้านหลังของเขามีปีกขนาดใหญ่ค่อยๆกางออกมา ปีกแต่ละคู่มีขนาดใหญ่มากจนบดบังท้องฟ้า
.
เมื่อปีกทั้งหกคู่กางออก อีเฉินรู้สึกเพียงว่า มีแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวได้กระตุ้นเลือดในร่างกายของเขา ให้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง แม้แต่เลือดแห่งการทำลายล้างที่เขาสัมผัสไม่ได้มาสักพักนึงแล้ว ก็กำลังจะระเบิดออกมาภายใต้การกระตุ้นนี้
.
สิบสองปีก ทั้งหมดหกคู่สิบสองปีก ทุกปีกสีดำสนิดดุจหมึก ในขณะนี้เหลยเซียงเปรียบเสมือนเทพมาร สร้างความตกตะลึงให้อีเฉินเป็นอย่างมาก
.
ครู.. คุณมีพลังขนาดนี้เลยเหรอ?
.
“ท่องคาถา!” เสียงเย็นชาของเหลยเซียงดังขึ้น
.
ตกลง! "ความมืดบดบังจิตวิญญาณ ข้าเป็นอิสระจากความตาย จงตื่นขึ้นเถิด มารฟ้าในตัวของข้า!"
.
อีเฉินจำได้ชัดเจนมาก เมื่อเขาร่ายมนตร์นี้ครั้งแรก ร่างกายเขาไม่สมบูรณ์ก็จริงอยู่ เพราะออร่าบนร่างครูของเขามันแรงเกินไป
.
คราวนี้มีฉากแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อเขาเริ่มร่ายเวทมนตร์เขารู้สึกได้ชัดเจน ว่าพลังเวทมนตร์ของเทคนิคมารฟ้าที่เขาฝึกฝนดูเหมือนจะถูกกระตุ้นด้วยเสียงสะท้อนพิเศษ และพลังเวทมนตร์ที่ถูกกระตุ้นก็เริ่มรุนแรง พื้นดินรอบๆเริ่มสั่นสะเทือน และความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ทำให้จิตใจของเขากระจ่างขึ้น เมื่อพลังเวทมนตร์ขับเคลื่อน แสงรอบๆตัวของเขาก็มืดลง และความเร็วของพลังเวทมนตร์ในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
.
ใช่แล้ว ความเร็วของพลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้นอย่างดุเดือด ราวกับว่ามีบางอย่างปะทุอยู่ในร่างกาย พลังทำลายล้างที่เหลยเซียงชักนำก่อนหน้านี้ เริ่มผสานเข้ากับพลังเวทอย่างเงียบๆ ทำให้รัศมีของอีเฉินค่อยๆเปลี่ยนไป
.
"อ๊ากกก " ความเจ็บปวดรุนแรงนี้ทำให้อีเฉินตะโกนออกมา เขาไม่สามารถบอกได้ว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร เขาแค่รู้สึกว่าในขณะนี้ ร่างกายของเขาดูเหมือนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยพลังงานพิเศษบางอย่าง
.
เขาตะโกนอย่างเจ็บปวด แล้วความหนาวเย็นทั้งหมดก็พุ่งไปที่แผ่นหลังของเขา ในชั่วพริบตาเดียวเขาก็รู้สึกถึงอาการชา ที่มาจากด้านหลังอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากหลังของเขา
.
ความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ออกไปข้างหลังเขาทันที
.
"ชู้!" ปีกสีดำคู่หนึ่งงอกออกมาข้างหลังของเขา
.
เมื่อปีกคู่หนึ่งงอกออกมา อี้เฉินรู้สึกชัดเจนว่าลมหายใจที่เย็นยะเยือกปริมาณมาก หลั่งไหลออกมาตามขนแต่ละเส้นเพื่อหลอมผสานกับร่างและกลายเป็นพลังเวทมนตร์ของตัวเอง ส่วนพลังเวทมนตร์ที่กระจัดกระจายไปทั่วร่างกายของเขาในระหว่างการฝึกฝนครั้งก่อน ก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วในเวลานี้ กลายเป็นวังวนเวทมนตร์อยู่บริเวณหน้าอกของเขา และหมุนอย่างรวดเร็ว
.
เหลยเซียงเฝ้าดูพลังเวทมนตร์ของอีเฉินที่ปะทุอย่างเงียบๆ เมื่อปีกของเขากางออก ก็เห็นความแตกต่างระหว่างปีกของอีเฉินกับปีกของเขา ปีกของอีเฉินมีสีดำแต่มีรัศมีของสีม่วงจางๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคุณลักษณะที่เกิดจากพลังแห่งการทำลายล้าง เช่นเดียวกับพลังความบ้าคลั่งที่แตกต่างไปจากเดิมเหมือนกัน เคล็ดวิชาทั้งสองและพลังทำลายล้างได้หลอมรวมกัน เมื่อสังเกตุจากกระแสลมปราณ เห็นได้ชัดว่าการหลอมรวมนี้เป็นการกลายพันธุ์ในเชิงบวก
.
อีเฉินยืนอยู่ตรงนั้น และรู้สึกถึงพลังที่มาจากด้านหลังจากปีกของเขาอย่างเงียบๆ
.
พลังงานนี้ได้รับการปรับแต่งตามธรรมชาติโดยพลังเวทมนตร์ของมนุษย์ และปรับปรุงพลังอื่นๆ ของเขาอย่างต่อเนื่อง
.
ใช่
.
มันตื่นแล้ว ปีกที่กางออกจากด้านหลัง ความมหัศจรรย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันหมายความว่าพลังของเขาถูกปลุกขึ้นแล้ว
.
ดีจริงๆ มันสบายกว่าตอนที่ฉันปลุกความบ้าคลั่งมาก แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ก็ดีกว่าความรู้สึกของการตายทั้งเป็น

-----------------------------------------------------------------------------------------




Share:

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

👨‍🏫นักแต่งนิยายจีน

A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U V W X Y Z

คลังบทความของบล็อก

บทความล่าสุด

หน่วยเทพล่าอสูร : 💠ผนึกต้องห้าม