Douluo Dalu 4.5 : ตอนที่35 "ไข่อีสเตอร์"ชื่อสีแดง

ตอนที่35 "ไข่อีสเตอร์"ชื่อสีแดง

“ข้อกำหนดการสอบปีแรกของโรงเรียนเชร็คสำหรับลานด้านนอก” นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง พูดออกมา ขณะมองไปยังอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือของเขา
.
การสอบนี้จะดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม "โลกโต้วหลัว" ในรูปแบบเซอร์ไวเวอร์ ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะถูกส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่เดียวกัน เนื้อหาของการทดสอบคือการฆ่าศัตรู คุณสามารถใช้วิธีการใดก็ได้เพื่อฆ่าคู่ต่อสู้ของคุณ และคุณจะได้รับหนึ่งแต้มสำหรับการสังหารนักเรียนแต่ละคน เมื่อคุณถูกฆ่า ฝ่ายตรงข้ามจะได้รับคะแนนครึ่งหนึ่งของคุณ และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นคะแนนที่เหลือของคุณ เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง พื้นที่การทดสอบจะหดตัวลงเรื่อยๆ และสุดท้ายจะเล็กลงจนเหลือขนาดเท่าวงแหวน นั่นหมายความว่าจะมีผู้ชนะเพียงหนึ่งคน "
.
“คำเตือนพิเศษ ในการประเมินนี้จะมี 'ไข่อีสเตอร์' สี่ตัว พวกเขาคือผู้เข้าร่วมพิเศษที่จัดขึ้นโดยสถาบันเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ 'ไข่อีสเตอร์' สี่ตัวนี้จะมีชื่อสีแดง ถ้าฆ่ามันได้สำเร็จคุณจะได้รับ 100แต้มต่อไข่1ตัว แต่พวกมันแข็งแกร่งมาก ดังนั้นโปรดระมัดระวังในขณะต่อสู้กับมัน”
.
“ในระหว่างการสอบ ไม่มีข้อห้ามในการจัดตั้งทีม แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินผู้ชนะ จะคำนวณคะแนน รายบุคคลเฉพาะจำนวนที่สังหารฝ่ายตรงข้าม และในท้ายที่สุดจะมีนักเรียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้ "
.
เมื่อนักเรียนทุกคนเห็นข้อกำหนดในการสอบก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง
.
"กฏสำหรับการสอบปลายภาคนั้นเรียบง่ายแต่โหดร้ายเกินไปหรือป่าว? แล้วแผนกเสริมของพวกเราล่ะ?" เด็กสาวคนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
.
“แน่นอน แผนกเสริมจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ ฉันจะไปหาต้าหลี่เมื่อมันเริ่มต้นขึ้น
.
ถ้าจัดอันดับตามคุณภาพโดยรวม ก็ควรจะมีการเตรียมการจัดตั้งทีมสอบปลายภาค" วุ่นวายแบบนี้ก็ดี... เมื่อการสอบเริ่มขึ้น ฉันคิดว่าเราควรเริ่มที่จะออมแรงของเราเอาไว้ และปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันไปก่อน แล้วเราค่อยตามไปกำจัดพวกเขาและแย่งเอาคะแนนที่สะสมของทุกคน
.
ยิ่งพวกเขาสะสมแต้มได้มาก การได้รับแต้มครึ่งนึงของพวกเขาก็คุ้มกว่าการสู้ทีละคน
.
คุณคิดว่าคุณจะมีชีวิตรอดจนถึงช่วงสุดท้ายและสังหารเพียงคนเดียว? คุณคิดว่าคุณฉลาดแล้วหรอ? แล้วคิดว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถคิดเรื่องนี้ได้หรือ?
.
ถ้าหากทุกคนคิดแบบเดียวกัน และรอให้พื้นที่หดตัวลงเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องเจอกับทุกคนและก็ต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้นอยู่ดี การกระจายกันไปเท่าๆกัน จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการ
.
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอย่างกระตือรือร้น วิธีการทดสอบแบบเฉพาะก็ถูกเปิดเผยออกมาและทำให้ทุกคนตกใจ
.
ขณะนี้มีสี่คนกำลังสับสนเล็กน้อย
.
พวกเขาคือ "ไข่อีสเตอร์" คนทั้งสี่คนมารวมตัวกันและแต่ละคนก็สวมอุปกรณ์สื่อสารที่ไม่นำไฟฟ้าของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับอุปกรณ์นี้หลังจากเข้าสู่โรงเรียนเชร็ค
.
ไม่เจอกันแค่ปีเดียว แต่การเปลี่ยนแปลงของพวกเขาทั้งสี่คนนั้น แตกต่างไปจากปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
ความสูงของพวกเขา สูงกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของหลิงอวี่โม่ดูงัวเงียสะลึมสะลือเล็กน้อย เพราะว่าครูของเขาพาเขามาที่นี่ทันทีหลังจากที่เขาพึ่งตื่นนอน
.
ร่างกายของอีเฉินเปลี่ยนไปมากที่สุด เขาสูงขึ้นและดูแข็งแกร่งกว่าเดิม มีความสง่างามและดูสงบขึ้นมาก
.
เมื่อไต้อิ๋งเห็นเขา เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางแข็งแกร่งข้างหน้าเธอ จะเป็นคนเดียวกัน กับเด็กชายที่เธอเอาชนะเมื่อปีที่แล้ว มันช่างแตกต่างไปจากเดิมจริงๆ!
.
ไต้อิ๋งก็แตกต่างไปจากปีที่แล้ว และอีเฉินก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอเช่นกัน
.
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ร่างกายของไต้อิ๋งเรียวบางขึ้น และเธออายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น
มีออร่าแห่งชีวิตไหลเวียนอยู่ทั่วร่างของเธอ มันทำให้เธอดูสดใสและมีชีวิตชีวา ในตอนนี้มีสายตาของเด็กผู้ชายไม่ต่ำกว่าสามคนคอยจ้องมองเธออยู่เป็นครั้งคราว
.
เมิ่งปิ้นไป๋ก็ตัวสูงใหญ่ขึ้นเช่นกัน ออร่าของเขาถูกยับยั้งเอาไว้ ไม่บ่งบอกถึงคุณสมบัติพิเศษใดๆ ดวงตาของเขาดูสงบและบนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย หากดูให้ดี ก็จะพบว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขามีส่วนคล้ายคลึงกับโจวเหว่ยชิงอยู่บ้าง
.
“เราได้เป็น 'ไข่อีสเตอร์' ไม่กี่ตัวนั่นเหรอ?” ไต้อิ๋งอดไม่ได้ที่จะถาม
.
“ใช่ คุณสี่คนคือ 'ไข่อีสเตอร์' คุณมีค่าหนึ่งร้อยคะแนน เมื่อคุณเริ่มฆ่าคู่ต่อสู้คะแนนของคุณจะเพิ่มขึ้น หากคุณถูกฆ่า นอกจากคะแนนหนึ่งร้อยแต้มที่คุณจะต้องแจก คะแนนที่คุณได้จากการฆ่าศัตรูจะถูกแบ่งครึ่งนึงด้วย
.
"ผู้ที่รอดชีวิตคนสุดท้ายคือที่หนึ่งหรอ?" อีเฉินกล่าว
.
ก็ประมาณนั้น หากคุณฆ่ากันเอง คุณก็จะได้หนึ่งร้อยแต้ม "โจวเหว่ยชิงพูดด้วยรอยยิ้ม เหมือนเป็นเรื่องสนุก"
.
“มันดูไม่ยุติธรรมเลย” เมิ่งปิ้นไป๋พูดอย่างช่วยไม่ได้
.
เหลยเซียงยิ้มอย่างสาปแช่ง :"คุณยังต้องการความยุติธรรมอะไรอีก? พวกคุณทุกคนล้วนเป็นนักเรียนที่ถูกคัดเลือกเป็นพิเศษและร่วมฝึกกับเราเป็นเวลาหนึ่งปี หากแค่นี้คุณยังทนไม่ได้ คุณก็ไร้ประโยชน์และต้องถูกไล่ออก"
.
โจวเหว่ยชิงพูดสวนกลับเขาไปทันที :"ถ้าคุณอยากจะขับไล่ใคร ก็ไล่นักเรียนของคุณเอง ลูกศิษย์ของฉันจะไม่ถูกไล่ออก ไม่ว่าเขาจะได้อันดับที่เท่าไหร่ เพราะเขาเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของฉัน" เหนือสิ่งอื่นใด ความคิดที่เมิ่งปิ้นไป๋มอบให้เขา ก็ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากมาย
.
ในวันธรรมดาการสนทนากับเมิ่งปิ้นไป๋และเฝ้าดูการเติบโตของเขาเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโจวเหว่ยชิง
.
"อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้อันดับที่ดี แต่จะดีกว่านั้น ถ้าคุณสามารถคว้าที่หนึ่งได้ เพราะผลประโยชน์สำหรับที่หนึ่งนั้นมากมายมหาศาล" จางกงเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
.
เหลยเซียงเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า :"ประโยชน์คืออะไร?"
.
จางกงเว่ยยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ เอาไว้ค่อยว่ากันเมื่อสอบเสร็จ
.
“พูดอีกอย่างก็คือ ตอนนี้พวกเราทั้งสี่คนต่างก็เป็นคู่ต่อสู้กัน?” ไต้อิ๋งพูดขึ้นทันที แต่หลังจากพูดประโยคนี้จบ จิตสังหารที่มองไม่เห็นก็แผ่ออกมาจากเธอโดยธรรมชาติ
.
เด็กชายทั้งสามก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
.
คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงที่สุดคือหลิงอวี่โม่ ทันทีที่เขารู้สึกถึงจิตสังหาร เกือบจะทันที ที่โล่แสงก็ถูกปลดปล่อยออกมา แยกโลกภายนอกออกไปทันที
.
อะแฮ่ม ! จางกงเว่ยกระแอมออกมา หลิงอวี่โม่ก็รู้ตัว และรีบถอดโล่แสงออกทันที
.
"เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้? หัวหน้า คุณสอนเขามาอย่างไร ? เหลยเซียงมองไปที่จางกงเว่ยอย่างสงสัย ปฏิกิริยาการตอบสนองของหลิงอวี่โม่นั้น เร็วใช้ได้!"
.
จางกงเว่ยกล่าว :"แน่นอน ฉันตั้งใจสอนมาอย่างดี" นี่คือความลึกลับของแผนกแสงศักดิ์สิทธิ์ของฉัน แล้วฉันจะบอกคุณได้ยังไง?
.
ในเวลานี้หลิงอวี่โม่ตื่นเต็มที่แล้ว เมื่อมองไปที่ครูของเขา การแสดงออกของเขาค่อนข้างซ้บซ้อน เขาคิดในใจว่าคุณสอนฉันจริงๆหรอ คุณไม่ละอายใจบ้างหรือไงที่พูดแบบนี้ โยนฉันเข้าแดนปีศาจ แล้วปล่อยให้ฉันเผชิญหน้ากับการโจมตีของปีศาจตลอดทั้งปี มีแค่ค่ายกลแสงศักดิ์สิทธิ์ที่คุณสร้างให้ในตอนต้นและอยู่ได้ไม่นานมันก็พัง ปล่อยฉันให้อยู่คนเดียว ลำบากจะตาย
.
"หลังจากนี้คุณจะได้เข้าสู่โลกจำลอง "โลกโต้วหลัว" เพื่อทำการสอบ สำหรับโลกตัวหลัวพวกคุณน่าจะเคยเชื่อมต่อกันมาก่อนแล้ว เมื่อเข้าไปแล้วก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามถ้าคุณแพ้ คุณคงจะรู้ ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง " เหลยเซียงกล่าวเบาๆ ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
.
อีเฉินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
.
อันที่จริงยกเว้นไต้อิ๋ง ร่างของเด็กชายทั้งสามก็ดูเหมือนจะสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่ากำลังนึกถึงประสบการณ์ที่เลวร้าย เมื่อมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเหล่าครูของเขา จิตวิญญาณการต่อสู้ก็ก่อตัวขึ้นในใจพวกเขาอย่างเงียบๆ จะแพ้ไม่ได้ จะแพ้ไม่ได้
.
"ไปกันเถอะ"

-----------------------------------------------------------------------------------------




Share:

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

👨‍🏫นักแต่งนิยายจีน

A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U V W X Y Z

คลังบทความของบล็อก

บทความล่าสุด

หน่วยเทพล่าอสูร : 💠ผนึกต้องห้าม