Douluo Dalu 4.5 : ตอนที่49 อันดับหนึ่งวิญญาจารย์สายโจมตีรวดเร็วของชั้นปีหนึ่ง

ตอนที่49 อันดับหนึ่งวิญญาจารย์สายโจมตีรวดเร็วในชั้นปีหนึ่ง

หลังจากการสอบปลายภาค พวกเราหกคนคงต้องพูดคุยเรื่องนี้กันในที่ประชุมศาลาเทพสมุทร ว่าจะติดตามการเรียนการสอนของแผนกใหม่ทั้งสี่นี้อย่างไรดี
.
การสอบปลายภาคยังคงดำเนินต่อไป และเมื่อเวลาผ่านไป ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างนักเรียนก็ค่อยๆปรากฏขึ้น นักเรียนชั้นแนวหน้าแต่ละคนได้เริ่มแสดงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว แต่ละคนก็มีวิธีของตัวเองในการหาคะแนน ขอบเขตการสอบก็กำลังหดตัวลงอีกเช่นกัน
.
หลังจากที่พื้นที่การสอบหดตัวลงเป็นครั้งที่ห้า นักเรียนก็สังเกตเห็นบางอย่าง
.
"ไข่อีสเตอร์"ชื่อสีแดงทั้งสี่ ยังคงอยู่และยังไม่มีใครถูกฆ่าตาย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม มี "ไข่อีสเตอร์"ชื่อแดงสองคนอยู่เหนือหุบเขา และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก
.
ส่วน "ไข่อีสเตอร์"ชื่อแดงอีกสองคน มักจะเคลื่อนตัวอยู่บริเวณขอบของพื้นที่ปลอดภัย และมีการเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา
.
"ไข่อีสเตอร์" ชื่อแดง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมการสอบลดลงเหลือน้อยกว่าห้าร้อยคน จำนวนนักเรียนที่ถูกคัดออกมีมากขึ้นเรื่อยๆ นักเรียนที่เหลือ ไม่ว่าจะความแข็งแกร่งส่วนบุคคลหรือแบบทีม ล้วนแต่แสดงออกมาอย่างน่าทึ่งขึ้นเรื่อยๆ
.
ตอนนี้นักเรียนเกือบทุกคนคิดว่า หุบเขาน่าจะเป็นสนามรบสุดท้ายและพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนที่ไปทางนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า "ไข่อีสเตอร์" ชื่อแดงสองคนที่อยู่อีกฟากฝั่งของหุบเขา กำลังจะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนแล้ว
.
ณ หุบเขา.
.
หลิงอวี่โม่มองไปที่เมิ่งปิ้นไป๋และกระซิบถาม : "คะแนนเรามีไม่น้อย ควรจะระวังกันหน่อยดีไหม? หลิงอวี่โม่มีหนึ่งร้อยสี่สิบคะแนน ส่วนเมิ่งปิ้นไป๋มีหนึ่งร้อยหกสิบคะแนน
.
หลิงอวี่โม่ค่อนข้างชื่นชมเมิ่งปิ้นไป๋ กลยุทธ์ที่เขาใช้ในการเฝ้ารอที่นี่ได้ผลดีมาก ตราบใดที่นักเรียนคิดว่าหุบเขานี้จะเป็นสนามรบสุดท้าย พวกเขาก็จะมุ่งมาทางนี้ แน่นอนว่ามีบางคนตั้งใจมาเพื่อตามล่า "ไข่อีสเตอร์"ชื่อแดงทั้งสองโดยเฉพาะ แต่ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนถูกสังหารโดยคันธนูของเมิ่งปิ้นไป๋ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นักเรียนหลายคนมีคะแนนติดตัวมาจำนวนมาก ทำให้พวกเขาได้รับคะแนนเพิ่มอย่างรวดเร็ว
.
อย่างไรก็ตามหลิงอวี่โม่ค่อนข้างรู้สึกละอายใจ เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงให้พรแห่งพระเจ้ากับเมิ่งปิ้นไป๋เป็นครั้งคราวเท่านั้น คันธนูยาวของเมิ่งปิ้นไป๋นั้นทรงพลังและมีความแม่นยำเป็นอย่างยิ่ง ลูกศรพลังงานที่เขายิงออกมาดูเหมือนว่าจะสามารถติดตามเป้าหมายได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่ศัตรูจะสามารถหลบหนี ส่วนพลังโจมตีของลูกธนูนั้นทรงพลังมาก แม้แต่วิญญาจารย์สายป้องกันก็ไม่สามารถหยุดลูกธนูของเขาได้ และคันธนูของเขาเปรียบเสมือนป้อมปราการระยะไกล
.
ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองคนคือพวกเขาอยู่ในพื้นที่สูงทำให้สามารถพบเห็นศัตรูได้ก่อน และนักเรียนส่วนใหญ่มาคนเดียว จะมีทีมเล็กๆผ่านเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว แต่โดยทั่วไปแล้วทั้งหมดก็ถูกจัดการโดยเมิ่งปิ้นไป๋ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
.
ระหว่างจุดที่เขาอยู่กับป่าไม้ ระหว่างทางจะเป็นพื้นที่ราบโล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง เมิ่งปิ้นไป๋มักจะให้ศัตรูของเขาเดินทางห่างจากป่ามาระยะหนึ่งก่อนจะลงมือ นั่นทำให้ศัตรูไม่มีโอกาสที่จะวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่าได้อีก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาได้รับคะแนนมากมาย
.
คะแนนของหลิงอวี่โม่ถูกมอบให้โดยเมิ่งปิ้นไป๋โดยตั้งใจ เมิ่งปิ้นไป๋จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับศัตรูก่อน และปล่อยให้หลิงอวี่โม่เป็นคนลงดาบสุดท้ายแก่ศัตรู เมื่อเขาจัดการศัตรู ศัตรูจะกลายเป็นแสงสว่างและจางหายไป แต้มก็จะปรากฏอยู่ที่เขาโดยธรรมชาติ
.
"เตรียมย้าย พวกเราน่าจะถูกสังเกตเห็นแล้ว" เมิ่งปิ้นไป๋พูดกับหลิงอวี่โม่ ตอนนี้เขาได้พบที่พักที่ต่อไปแล้ว ในอีกด้านหนึ่งของหุบเขา มันยังเป็นสถานที่ ที่เหมาะมากสำหรับการซุ่มยิง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่การต่อสู้ชี้ชะตาจะมาถึง พวกเขาจะอยู่ที่นั่นเพื่อรอ ด้วยทักษะการยิงธนูอันยอดเยี่ยมของเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับคะแนนมากมายอย่างแน่นอน
.
"ตกลง" หลิงอวี่โม่เห็นด้วย ในขณะที่เขายืนขึ้นและเตรียมพร้อมจะออกเดินทางกับเมิ่งปิ้นไป๋ อยู่ๆก็สัมผัสถึงความหนาวเย็นที่อธิบายไม่ได้ ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา
.
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้เหมือนกันทุกประการกับตอนที่เขากำลังจะโดนปีศาจจู่โจม สัมผัสของหลิงอวี่โม่นั่นเฉียบคมมาก เขาตอบสนองได้ในทันที
.
เขาก้าวไปอยู่ข้างๆเมิ่งปิ้นไป๋อย่างรวดเร็ว และเมิ่งปิ้นไป๋ก็ควบแน่นคันธนูของเขาโดยไม่รู้ตัว แสงสีทองสว่างขึ้นครอบคลุมพวกเขาและขังทั้งสองคนไว้
.
"ตู๊ม!" เสียงกระทบที่รุนแรงดังขึ้น มีลำแสงตกกระทบที่ค่ายกลแสงของเขา
.
ขณะนี้หลิงอวี่โม่หันกลับมาและชี้มือของเขาอย่างต่อเนื่องรวมเป็นสิบหกครั้ง ภายใต้แสงนี้ดูแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน มีร่างลวงตาปรากฏขึ้นอยู่ด้านนอกของค่ายกลแสง เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างตกใจที่หลิงอวี่โม่สามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้ทันเวลา
.
วงแหวนวิญญาณปรากฏที่รอบร่างที่ลวงตาของเขา ดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่ "ไข่อีสเตอร์"ชื่อแดงทั้งสอง ในเวลาต่อมาร่างของเขาก็จางหายไปอีกครั้ง ก่อนที่ร่างนี้จะหายไปหลิงอวี่โม่และเมิ่งปิ้นไป๋ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่านักเรียนคนนี้มีวงแหวนวิญญาณหกวง ใช่แล้วเขาเป็นจักรพรรดิวิญญาณหกวงแหวน
.
...ห้องสังเกตการณ์.
.
"เงาสังหาร เหลยอี้ข่าย! " ครูคนหนึ่งพูดออกมา
.
นักเรียนสี่คนในชั้นเรียนนี้ได้รับการยอมรับว่าพวกเขาอยู่ในระดับจักรพรรดิวิญญาณหกวงแหวน เมื่อพันปีก่อนสถานการณ์แบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จักรพรรดิวิญญาณหกวงแหวนหมื่นปีก่อน จะสามารถเข้าถึงได้อย่างต่ำก็อายุสิบแปดปี แต่ในตอนนี้เด็กอายุสิบสามปีสามารถทำมันได้ จากวิวัฒนาการของต้นไม้เทพเจ้าทำให้แผ่นดินโต้วหลัวเหมาะสมสำหรับการฝึกฝนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
.
นักเรียนในระดับจักรพรรดิวิญญาณหกวงแหวนสี่คนนี้ ถูกตั้งความหวังไว้สูงโดยครูของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็น "ไข่อีสเตอร์"ชื่อแดงทั้งสี่คนจากห้องสังเกตการณ์ที่แสดงพลังอันแข็งแกร่ง ความคาดหวังของคณะครูที่มีต่อนักเรียนเหล่านี้ก็ยิ่งสูงขึ้น แม้กระทั่งตัวตนของคณบดีทั้งสี่ พวกเขาก็อย่างทำความรู้จัก
.
เหลยอี้ข่าย อันดับหนึ่งปรมาจารย์วิญญาณสายโจมตีรวดเร็วในชั้นปีหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ปรมาจารย์วิญญาณสายโจมตีรวดเร็วในชั้นปีสอง ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาคือเงาของเขาเอง ซึ่งเป็นจิตวิญญาณการต่อสู้ที่หาได้ยากมาก เขาเป็นปรมาจารย์วิญญาณประเภทนักฆ่าโดยธรรมชาติ
.
บุคลิกของเขาดูเย่อหยิ่งและไม่ค่อยมีสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ วิธีการต่อสู้ก็เหมือนกัน ถ้าจะให้อธิบายถึงตัวตนของเขาง่ายๆก็คือ หมาป่าเดียวดาย ครั้งหนึ่งอาจารย์เคยบอกเขาว่าการเป็นปรมาจารย์วิญญาณจำเป็นต้องร่วมมือกัน โดยมีเพียงความร่วมมือเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งได้และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของปรมาจารย์วิญญาณ
.
อย่างไรก็ตามเหลยอี้ข่ายกล่าวว่า เขาไม่สามารถหาเพื่อนร่วมทีมที่สามารถตามจังหวะของเขาได้ทัน เพื่อนร่วมทีมมีแต่จะถ่วงเขา จะดีกว่าถ้าเขาอยู่คนเดียว เขาถึงจะมีอิสระมากขึ้น และสิ่งที่เขาแสดงให้ทุกคนเห็นก็คือ เขาเอาชนะทีมเจ็ดคนด้วยกำลังเขาเพียงคนเดียวในการสอบย่อยครั้งที่สอง นับตั้งแต่ตอนนั้น ครูก็ไม่เคยบังคับเขาให้ร่วมทีมกับใครอีกเลย
.
ความเร็วสูง โจมตีแข็งแกร่ง นี่คือสิ่งที่ครูของเขาประเมินเขาไว้
.
ลักษณะเฉพาะที่สำคัญที่สุดของระบบโจมตีรวดเร็ว คือความเร็วที่รวดเร็วและการโจมตีที่แข็งแกร่ง ความเร็วมีผลเสริมในการโจมตี ยิ่งเร็ว พลังโจมตีก็จะยิ่งแข็งแกร่ง เหลยอี้ข่ายเข้าใจสาระสำคัญนี้เป็นอย่างดี เพื่อนๆของเขาเรียกเขาว่า เงาสังหาร นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสามอันแรกแรก ในแง่ของความแข็งแกร่งส่วนบุคคลของระดับชั้นปีที่หนึ่ง
.
เขาคือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง และเกือบจะแน่ใจได้ว่าเขาสามารถเข้าเรียนที่ลานด้านในของเชร็คได้อย่างแน่นอนในอนาคต และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือ "ไข่อีสเตอร์" สองคน
.
ก่อนที่เหลยอี้ข่ายจะโจมตี พวกครูก็ยังไม่เห็นว่าเขาอยู่ใกล้ๆ
.
ในสายตาของคณะครู ไม่มีใครคาดคิดว่า"ไข่อีสเตอร์"ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา จะมีสัมผัสการรับรู้ที่แข็งแกร่งและความสามารถในการป้องกัน สกัดกั้นการโจมตีของเหลยอี้ข่ายได้ ตั้งแต่เขาเริ่มโจมตี
.
การโจมตีของเหลยอี้ข่ายมีแนวโน้มว่าจะรับมือจากการซุ่มโจมตีได้ยาก เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีและทรงพลังที่สุด การไล่ล่าศัตรูของเขาส่วนใหญ่จะจบด้วยการสังหารคู่ต่อสู้ได้เสมอ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าในครั้งนี้เขาจะถูกป้องกันไว้ได้
.
เมื่อเมิ่งปิ้นไป๋เห็นหลิงอวี่โม่วิ่งมาหาเขา เดิมทีเขาคิดว่าหลิงอวี่โม่คิดจะฉวยโอกาสนี้หักหลังเขา แต่ต่อมาเมื่อเขาเห็นค่ายกลวิญญาณแสงศักดิ์สิทธิ์ที่หลิงอวี่โม่ปลดปล่อยออกมา เขาถึงได้รับรู้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากภายนอกค่ายกล

-----------------------------------------------------------------------------------------




Share:

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

👨‍🏫นักแต่งนิยายจีน

A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U V W X Y Z

คลังบทความของบล็อก

บทความล่าสุด

หน่วยเทพล่าอสูร : 💠ผนึกต้องห้าม