ตอนที่53 ล้อมโจมตี |
หลิงอวี่โม่มองไปที่พวกเขา หลังจากนั้นหันไปมองเมิ่งปิ้นไป๋และกล่าวว่า "สำหรับฉันยังไงก็ได้ แล้วแต่คุณ" . เมิ่งปิ้นไป๋กล่าวว่า : "สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปนั้น เป็นการวิเคราะห์ด้วยเหตุผล แต่ในความเป็นจริงพวกเรายังเด็กและมีความกระตือรือร้น!" เมื่อเขาพูดจบ อัญมณีที่ข้อมือของเขาเปล่งประกาย คันธนูยาวปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของเขา . เมิ่งปิ้นไป๋สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แสงสว่างบนร่างเขาค่อยๆเปล่งออกมา ทันใดนั้นเขาก็ตะโกน และสายธนูสองสายก็ค่อยๆปรากฏออกมา ในขณะที่เมิ่งปิ้นไป๋ปลดปล่อยคันธนูออกมา อีเฉินและไต้อิ๋งเกือบจะก้าวออกมาข้างหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเลือดและลมปราณในร่างกายของเมิ่งปิ้นไป๋อย่างชัดเจน ว่ามากมายเพียงใด . คันธนูยาวที่ปลดปล่อยมานั้นเป็นเครื่องป้องปรามที่ทรงพลัง ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยท่าทางที่ค่อนข้างตกใจ . ขณะนี้..พรแห่งพระเจ้าและแสงแห่งการรักษาส่องสว่างบนร่างของเมิ่งปิ้นไป๋ หลิงอวี่โม่และเมิ่งปิ้นไป๋ร่วมมือกันเป็นเวลานาน เขาจึงได้เตรียมพร้อมสำหรับการสนับสนุน . "มาเลย!" ดวงตาของเมิ่งปิ้นไป๋เป็นประกาย ถัดมาเขาดึงสายธนูเป็นรูปพระจันทร์เต็มดวงและปล่อยออกไปทันที . "ปัง!" เกิดเสียงดังสนั่นและลมกระโชกอย่างรุนแรงผ่านพวกเขาทั้งสี่ ลูกธนูพุ่งออกไปที่ฝั่งตรงข้ามแทบจะทันที . เป้าหมายคือทีมเจ็ดคน ด้านหน้าพวกเขาเป็นเด็กชายรูปร่างสูงในมือของเขาถือโล่ บนหัวของเขามีเลขสิบห้า หมายความว่าเขามีคะแนนสิบห้าคะแนน เพื่อนร่วมทีมหกคนอยู่ด้านหลังเขา ทั้งหมดเรียงกันเป็นแถวตอน มีเขาปกป้องอยู่ข้างหน้า บนร่างปรากฏวงแหวนวิญญาณห้าวงส่องประกายออกมา สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น . ความแข็งแกร่งของล่ายจวิ้นเฉินใกล้เคียงกับวงแหวนที่หกแล้ว เขาเป็นหนึ่งในแปดกัปตัน ของแผนการล้อมปราบปราม "ไข่อีสเตอร์" ชื่อสีแดงทั้งสี่ในครั้งนี้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปว่าเงาหนามเหลยอี้ข่ายถูกสังหาร นักเรียนในชั้นปีที่หนึ่งรู้ดีว่า บุคคลชื่อแดงทั้งสี่นี้อาจจะรับมือได้ยากมาก หลายๆคนในกลุ่มพวกเขา ได้เคยล้อมโจมตีอีเฉินและไต้อิ๋งมาหลายสิบครั้ง แต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว พวกเขาตระหนักได้ว่า ถ้าบุคคลทั้งสี่นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดในที่สุด และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็รู้ตัวตนของไข่อีสเตอร์ทั้งสี่แล้ว ว่าเป็นนักเรียนที่ถูกคัดเลือกแบบพิเศษทั้งสี่คนตั้งแต่แรก . ทุกคนเป็นนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งเหมือนกัน ความแข็งแกร่งจะต่างกันมากขนาดนี้ได้อย่างไร? พวกเขาย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกัน นักศึกษาปีหนึ่งคนอื่นๆก็มีความเกลียดชังศัตรูเช่นเดียวกัน เมื่อเขาเห็นไข่อีสเตอร์ชื่อสีแดงทั้งสี่ เขาไม่แม้แต่จะหนีเข้าไปในหุบเขา . ในฐานะปรมาจารย์วิญญาณแผนกป้องกัน ล่ายจุ้นเฉินค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ โล่ของเขาทันทีเพื่อปกป้องเพื่อนของเขาที่อยู่ทางด้านหลังของเขา . แต่ในขณะนี้เขารู้สึกขนหัวรุก ในเวลาต่อมาเขาเห็นลำแสงสีขาว ลำแสงสีขาวพุ่งราวกับสายฟ้า สิ่งที่ล่ายจวิ้นเฉินทำได้ มีเพียงย่อตัวและกางโล่ไว้ข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็ว . เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจสัมบูรณ์โดยที่โชคไม่เข้าข้าง ถึงแม้ว่าล่ายจวิ้นเฉินจะเป็นเพียงราชาวิญญาณห้าวงแหวน แต่ก็เหนือกว่าเหลยอี้ข่าย ในด้านของการป้องกันที่มีหกวงแหวน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาเผชิญอยู่คือพลังสูงสุดในความหมายที่แท้จริง ซึ่งเป็นการซ้อนทับของพลัง . ทันทีที่ลำแสงสีขาวปะทะเข้ากับโล่ก็เกิดแสงสะท้อนออกมา สิ่งที่นักเรียนชั้นปีหนึ่งคนอื่นๆโดยรอบเห็น คือแสงสีขาวที่ส่องประกายด้วยความกลัว แสงสีขาวอันน่าสยดสยองและคลื่นของอากาศ กลืนคนทั้งเจ็ดในทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอย . ผลกระทบที่รุนแรงทำให้นักเรียนหลายสิบคนรอบๆตัวของเขาเซ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกัน แต่นักเรียนมากกว่าสิบคน ได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทกได้รับบาดเจ็บกันไปในระดับที่ต่างกัน . การปิดล้อมของนักเรียนมากกว่าสองร้อยห้าสิบคนหยุดลงกระทันหัน อาการใจสั่นอย่างรุนแรงปรากฏขึ้นในหัวใจของพวกเขาแทบจะพร้อมๆกัน . แม้ว่าพวกเขาจะรู้มาก่อนว่า "ไข่อีสเตอร์" ที่มีชื่อแดงทั้งสี่นั้นทรงพลังอย่างยิ่ง และนักศึกษาปีหนึ่งหลายร้อยคนได้เสียชีวิตในมือของพวกเขาโดยตรง อย่างไรก็ตามการรับรู้จากคนอื่น กับการเผชิญหน้าและเห็นกับตาตัวเอง มันเป็นคนละเรื่องกันเลย . ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างน้อย แปดร้อยเมตร และลูกธนูที่ยิงจากระยะ แปดร้อยเมตร ฆ่าทีมชายเจ็ดคน และผลกระทบทางจิตวิทยาที่นำมาสู่พวกเขานั้นยิ่งใหญ่มาก . ในขณะนี้ จู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งก็ยกดาบใหญ่ในมือขึ้นมาแล้วตะโกนว่า: "บุก!" เขาเป็นผู้นำจับดาบใหญ่เหมือนประตูวิ่งออกมาอย่างกล้าหาญ เหล่าสมาชิกตอบสนองเขาในทันที พวกเขาฝึกฝนและเรียนรู้มาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีทางหนีได้อีก โดยเฉพาะได้เห็นบุคคลเหล่านี้แสดงพลัง พวกเขาก็เข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน ว่าการถอยกลับในเวลานี้คือการแสดงความกลัว . ฝ่ายตรงข้ามเก่งในการโจมตีระยะไกล มีเพียงการก้าวไปข้างหน้าเท่านั้นที่พวกเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว ลูกธนูของเมิ่งปิ้นไป๋ไม่เพียงแต่ทำให้คู่ต่อสู้ตกใจแต่ยังทำให้เพื่อนร่วมทีมตกใจอีกด้วย . ในความคิดแรกของฟาถิงและจางถังคือ "ถ้าเป็นเขาจะหยุดมันได้หรือป่าว" ใช่แล้ว พวกเขาจะหยุดมันได้หรือไม่? ไม่มีใครรู้คำตอบ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้ลองแล้ว แต่ทั้งสองคนเข้าใจดีว่าถ้าเมิ่งปิ้นไป๋เด่นด้านการโจมตีไกล เขาจะต้องไม่เปิดโอกาสนี้ให้ศัตรู . หลังจากที่ยิงลูกศรออกไป แม้หลิงอวี่โม่จะใช้ทักษะเสริมต่างๆให้เขา แต่ใบหน้าของเมิ่งปิ้นไป๋ก็ยังซีด . "สลาย!" เขากระซิบเบาๆ และรีบถอยกลับ หลังจากนั้นคันธนูในมือของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว . หลิงอวี่โม่ร่วมมือกับเขามาระยะหนึ่งแล้วแสงแห่งการรักษาส่องลงมาที่เขาอย่างต่อเนื่องบรรเทาอาการปวดล้ากล้ามเนื้อให้เขา พวกเขาทั้งสี่รีบถอยเข้าไปในหุบเขา . ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายคือ แปดร้อยเมตร นักเรียนชั้นปีหนึ่งคนอื่นๆไม่สามารถโจมตีไปถึงพวกเขาด้วยระยะห่างขนาดนี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ หากพลังของเมิ่งปิ้นไป๋เพียงพอ เขาสามารถโจมตีศัตรูจากระยะนี้เพื่อหวังผลได้ . เหตุผลที่เขาไม่ได้ใช้ธนูหนึ่งสายโจมตี เพราะเขาไม่มั่นใจว่าการโจมตีทั้งทีมเช่นนี้จะสามารถเอาชนะได้ด้วยธนูหนึ่งสาย มันจะดีกว่าถ้าเขาจะใช้สายที่เหมาะสมในการโจมตี หลังจากเข้าไปในหุบเขาแล้ว มันจะแตกต่างออกไป ภูมิประเทศในหุบเขานั้นเอื้อต่อการซุ่มยิงและสังหารคู่ต่อสู้มากกว่า ----------------------------------------------------------------------------------------- |
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น