สัประยุทธ์ทะลุฟ้า : ห้าจ้าวจักรวาลเข้าสู่โลกใหม่ |
วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับจากศึกสองจักรวาลยุทธ์ ก็ผ่านมาแล้วกว่าทศวรรษ ในทศวรรษที่ผ่านมานี้มหาพิภพโต้วชี่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ อัจฉริยะทุกแขนงปรากฏออกมามากมายจนน่าตกใจ แต่ถึงคนรุ่นหลังเหล่านี้จะเก่งกาจสักเพียงใด เหนือหัวของพวกเขาก็ยังมีเงาของคนผู้หนึ่งอยู่ จักรพรรดิอัคคี "เซียวเหยียน" บุรุษผู้ที่กอบกู้และช่วยเหลือผู้คนในทวีปมัจฉิมให้รอดพ้นจากการครอบงำของหุนเทียนตี้ เขาคือผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดบนมหาพิภพโต้วชี่ในปัจจุบัน แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจะไม่ได้ปรากฏตัวบนมหาพิภพโต้วชี่แห่งนี้ แต่เรื่องราวของเขาถูกบอกกล่าวกันปากต่อปาก กลายเป็นตำนานเล่าขาลไปทั่วทวีป ตอนเหนือของทวีปมัจฉิม พื้นที่ภูเขาที่พังทลายจากการต่อสู้ ของสองจ้าวจักรวาลยุทธ์ในอดีต สถานที่แห่งนี้ผู้คนในมหาพิภพโต้วชี่ขนาดนามว่า ภูเขาสองจ้าวจักรวาล ภูเขาลูกนี้สูงเกินกว่าจะปีนขึ้นไปและเหนือสิ่งอื่นใด ดูเหมือนว่าจะมีม่านพลังงานป้องกันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามพวกเขาไม่สามารถใช้กำลังทะลวงเข้าไปได้ ตามข่าวลือที่นี่เป็นสถานที่ปลีกวิเวกของจักรพรรดิอัคคี เซียวเหยียน บนยอดเขามีคฤหาสน์หลังหนึ่ง ในคฤหาสน์หลังนั้น ปรากฏร่างบุรุษชุดสีดำยืนเอามือไพล่หลัง แหงนหน้ามองความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตบนฟากฟ้า ไม่ปรากฏคลื่นพลังงานผันผวนใดๆ แต่ภายใต้เงาหลังของเขาแม้แต่สวรรค์และโลกก็ถูกบดบัง “ พ่อและผู้อาวุโสจู๋คุน น่าจะมาถึงที่นี่เร็วๆนี้ใช่ไหม? "ข้างหลังร่างบุรุษชุดดำ จู่ๆ ก็ปรากฏร่างที่งดงามเดินยิ้มหวานออกมา "ใช่" บุรุษชุดดำหันกลับมามองดูใบหน้าอันงดงามที่ทำให้สรรพสิ่งรอบข้างดูหม่นหมอง เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "สำเร็จหรือไม่" "อืม ขอบคุณที่คุณเปิดเส้นทางระนาบลึกลับทำให้ดูดซับปราณจักรวาลต้นกำเนิดจากที่นั่น" มิฉะนั้น ฉันเกรงว่าจะไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถไปถึงระดับของจ้าวจักรวาลยุทธ์ได้อีก ซวินเอ๋อร์พยักหน้าและค่อยๆยกมือขึ้น ทันใดนั้นบุปผานับร้อยก็เบ่งบานสะพรั่งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา จากความผันผวนที่ปรากฏออกมาแสดงให้เห็นว่าพลังแบบนี้เทพยุทธ์ขั้นสุดไม่สามารถสำแดงออกมาได้ "ได้เวลาไฉ่หลินออกจากด่านแล้วกระมัง...." สิ้นสุดคำพูดของเซียวเหยียน ในส่วนลึกของลาน ทันใดนั้นก็ปรากฏประกายแวววาวหลากสีสันพวยพุ่งออกมา ในท้ายที่สุดแสงหลากสีก็ควบแน่นและกลายเป็นร่างอรชรที่น่าหลงใหลและปรากฏต่อหน้าเซียวเหยียน หลังจากเก็บตัวฝึกฝนมาหลายปี ในที่สุดก็บรรลุ ไฉ่หลินยืดเอวของเธออย่างเกียจคร้าน ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม : นี่หรือคือความแข็งแกร่งในระดับจ้าวจักรวาลยุทธ์ มันแตกต่างจากเทพยุทธ์โดยสิ้นเชิง "ฮ่าฮ่าฮ่า ไฉ่หลินเธอก็บรรลุจ้าวจักรวาลยุทธ์เหมือนกันหรอ เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ ขอแสดงความยินดีด้วย""ได้รับความช่วยเหลือจากเซียวเหยียน ในที่สุดความปราถนาของข้าก็เป็นจริง" สิ้นเสียงของไฉ่หลิน อากาศบนฟ้าก็บิดเบี้ยวอย่างแรง ทันใดนั้นร่างสองร่างก็ก้าวออกมาจากห้วงอากาศ พวกเขาคือกู่หยวน และ จู๋คุน แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก แต่ออร่าของพวกแตกต่างจากที่เคยเป็นในอดีต ความรู้สึกแบบนี้ จ้าวจักรวาลยุทธ์! ห้าจ้าวจักรวาลยุทธ์ เดิมทีจ้าวจักรวาลยุทธ์เหล่านี้หายไปจากมหาพิภพโต้วชี่มานานมาก แต่ตอนนี้ปรากฏถึงห้าคน หากเรื่องนี่แพร่ออกไป ทั่วทั้งมหาพิภพโต้วชี่ต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน เดิมทีพวกคุณก็มีความแข็งแกร่งพอที่จะเข้าถึงระดับจ้างจักรวาลยุทธ์อยู่แล้ว เพียงแต่ขาดปราณจักรวาลต้นกำเนิด ทำให้ไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้ เมื่อแก้ไขปัญหานี้ได้สำเร็จ การเข้าถึงระดับจ้าวจักรวาลยุทธ์ของพวกคุณก็เป็นเรื่องแน่นอน เซียวเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เฮ้เฮ้ " ถึงแม้ข้าจะก้าวเข้าสู่ระดับจ้าวจักรวาลยุทธ์แล้ว แต่ดูเหมือนยังมีช่องว่างขนาดใหญ่กับเจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับใดแล้ว? จู๋คุนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ในตอนนี้เขาพบว่าแม้จะอยู่ในระดับจ้าวจักรวาลยุทธ์แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของเซียวเหยียน ดูเหมือนว่ากว่าทศวรรษที่ผ่านไปเขาจะมีความก้าวหน้าขึ้นไปอีก “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เซียวเหยียนก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จ้าวจักรวาลยุทธ์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกในปัจจุบัน แต่ด้านบนนั้นไม่มีใครรู้ แต่เขาก็รู้สึกเช่นกันว่าเขาในตอนนี้ หากเทียบกับตอนที่เขาเพิ่งเลื่อนเป็นจ้าวจักรวาลยุทธ์ใหม่ๆ มันแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก คล้ายกับความแข็งแกร่งของหุนเทียนตี้ในตอนนั้น รับมือเขาในตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย บางทีอีกระนาบหนึ่ง อาจมีคำตอบ เซียวเหยียนพรึมพรำ และแหงนหน้ามองขึ้นไปยังความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต "ข้าเองก็อยากรู้" จู๋คุนพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมประกายแสงแวววาวในดวงตาของเขา ในโลกนี้พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในอีกระนาบหนึ่งนั้น อาจเป็นเพียงการเริ่มต้น “คุณตื่นเต้น?” เซียวเหยียนยิ้ม "เจ้าก็เช่นกัน" จู๋คุนยิ้ม "คุณมาที่นี่ คุณจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?" คุณควรเข้าใจก่อนว่า อีกระนาบหนึ่งนั้นมันอันตรายกว่ามหาพิภพโต้วชี่มาก และที่นั้นเราไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด เซียวเหยียนกล่าว "จือเหยียนมีความสามารถเพียงพอที่จะปกครองเผ่ามังกรสุญญตาภพ อีกทั้งเธอยังมีปราณจักรวาลต้นกำเนิดที่เจ้าทิ้งเอาไว้ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่เธอจะเข้าถึงระดับเจ้าจักรวาลยุทธ์ ข้าจะไปที่นั่นเพื่อปูเส้นทางไว้สำหรับเธอ" จู๋คุนกล่าว "ตระกูลกู่ได้ผู้นำรุ่นใหม่ ด้วยชื่อเสียงของ กู่ชิงหยาง ฉันเชื่อว่าเขาสามารถดูแลตระกูลกู่ได้ดี" กู่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม : "ฉันทำเพื่อตระกูลกู่มามากแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะได้สัมผัสกับความตื่นเต้นของตัวเองบ้างแล้ว" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหยียนก็ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองไฉ่หลินและซวินเอ๋อร "แล้วพวกเจ้าล่ะ" "เด็กๆเหล่านั้น แม้จะไม่มีพวกเรา ในมหาพิภพโต้วชี่ก็ไม่มีใครกล้ารังแกพวกเขา " แน่นอนว่าพวกเราจะติดตามเจ้า เมื่อพวกเขาเข้าสู่ระดับจ้าวจักรวาลยุทธ์ก็จะมาหาเรา ไฉ่หลินและซวินเอ๋อร์มองหน้ากันและทั้งคู่ก็มีรอยยิ้ม เซียวเหยียนพยักหน้า” เขาหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆจริงจังขึ้น รอยยิ้มแบบนี้ไม่ปรากฏมาหลายปีแล้ว “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ การหยุดพักนานนับสิบปีทำให้ฉันเกือบลืมความรู้สึกของต่อสู้ไปแล้ว...” ร่างของเซียวเหยียนค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และในขณะที่เขาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เมฆหนาทึบก็พวยพุ่งออกมาจากท้องฟ้าอันว่างเปล่า แพร่กระจายไปในรัศมีหลายหมื่นไมล์ ท้องฟ้าก็พลันมืดลงในพริบตา ผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนเงยหน้ามองด้วยความสยดสยอง เมื่อมองไปที่ภูเขาสองจ้าวจักรวาล พวกเขาก็รู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ภายใต้การจ้องมองของสายตานับไม่ถ้วนบนพื้นทวีป ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตบนเทือกเขาสองจักรวาลเริ่มบิดตัวอย่างรุนแรง และเมฆหนาก็เคลื่อนตัว จนในที่สุดมันก็ปรากฏกลายเป็นเส้นทางที่มืดมิด และในเส้นทางนั้นมีกลิ่นไอที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา ช่องทางนั้นจะนำไปสู่ระนาบอื่น! เมื่อมองไปที่ทางเดินอันมืดมิดราวกับหลุมดำ เซียวเหยียนสะบัดนิ้วของเขา และลำแสงสี่ดวงก็พุ่งเข้าใส่มือของซวินเอ๋อร์และคนอื่นๆทั้งสี่: "พวกเขาแลกเปลี่ยนหยกวิญญาณซึ่งกันและกัน และฝากรอยประทับวิญญาณไว้บนหยกวิญญาณของพวกเขา .หากเกิดอุบัติเหตุอันใดจะได้รู้ความเป็นความตายของกันและกัน" เมื่อเซียวเหยียนพูด ใบหน้าของเขาค่อนข้างจริงจัง โลกลึกลับนั้น แม้แต่เขาก็เองยังรู้สึกอันตราย" ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น “เมื่อพวกท่านเข้าสู่เส้นทางแล้ว จงตามข้าไปอย่างใกล้ชิด อย่าแยกจากกัน” เซียวเหยียนเอียงศีรษะและพูดด้วยเสียงต่ำกับ ไฉ่หลินและซวินเอ๋อร์ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในระนาบลึกลับนั้น แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ยงคงกระพันในมหาพิภพโต้วชี่ แต่เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่นมันจะไม่ใช่อีกต่อไป เผื่อว่าถึงเวลานั้นพวกเขาต้องแยกจากกัน เขากังวลอย่างยิ่งว่า ซวินเอ๋อร์และไฉ่หลินจะอยู่ตามลำพังในโลกที่ไม่รู้จัก! "อืม" ไฉ่หลินและซวินเอ๋อร์ก็รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้เช่นกัน และพวกเขาก็พยักหน้าในขณะนี้ "แล้วพบกันใหม่" หลังจากเสร็จสิ้นคำสั่งทั้งหมดเซียวเหยียนหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง และหยุดพูดเรื่องไร้สาระ เขาจับมือไฉ่หลินและซวินเอ๋อร์ด้วยมือทั้งสองข้าง ในทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายของเขา มันก็กลายเป็นลำแสงสีดำซึ่งรวดเร็วราวกับสายฟ้า เมื่อเผชิญหน้ากับหลุมดำอันมืดมิด กู่หยวนและจู๋คุนก็กัดฟันไล่ตามไปติดๆ ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่อุกกาบาตสองสามดวงที่พาดผ่านท้องฟ้า บางคนดูเหมือนจะรู้แผนการของเซียวเหยียนและคนอื่นๆ มีร่างนับไม่ถ้วนคุกเข่าลงบนพื้นในขณะนั้น "ขอแสดงความยินดีกับจักรพรรดิอัคคี" "ขอแสดงความยินดีกับประมุขภาคี" เสียงแซ่ซ้องก้องกังวาลไปทั่วมหาพิภพโต้วชี่ สะเทือนไปทั่วสวรรค์และโลกเป็นระยะเวลายาวนาน "เจ้าสารเลวน้อย ในโลกนั้นคงน่าตื่นเต้นกว่ามหาพิภพแห่งนี้เป็นหมื่นเท่า"ฮิฮิ เมื่อข้าก้าวไปสู่ระดับจ้าวจักรวาลยุทธ์ ข้าก็จะไปดูโลกนั้นด้วยตาตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องวางรากฐานให้อาจารย์คนนี้ได้พึ่งใบบุญของเจ้าด้วยล่ะ..." ที่สำนักงานใหญ่ของภาคีวังเวหน เย่าเหล่ามองดูดาวตกบนท้องฟ้าและพึมพำกับตัวเอง ________________________________________________________________________________ * บทสรุปหลังตอนจบภาค ตอนแรกเหมือนผู้แต่งตั้งใจเขียนหลายตอน แต่ดูบนเว็ปqidianแล้วก็มีแค่1ตอนเท่านั้น เลยจบแค่ในเส้นทางเชื่อมระนาบ *เซียวเหยียนได้เข้าสู่มหาพันภพ ได้สร้างถิ่นฐานขุมกำลังใหม่ขึ้นมาในโลกใหม่ ติดตามต่อได้ในนิยายเรื่อง "หนึ่งในใต้หล้า" |
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น