📚 Douluo Dalu 5.5 : Douluo World (Side Story)
บทนำ
บทนำ
อาณาจักรเทพ
มวลเมฆาเซียนลอยอ้อยอิ่ง ควันจรุงกรุ่นกำจาย
ปราณวิญญาณเซียนอันไร้ขอบเขตจับตัวหนาแน่นราวกับมีตัวตนจริง เส้นสายปราณแปรเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ นานาในอากาศ ส่องประกายรัศมีเก้าสีสันงามตระการตา
ณ ใจกลางของปราณวิญญาณเซียนที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดนั้น มีหอคอยสูงตระหง่านแห่งหนึ่งทะลุเมฆออกมา หอคอยมีรูปแบบโบราณ ทั่วทั้งร่างแผ่ประกายแสงประหลาดนานัปการ แสงแต่ละสายราวกับส่องสว่างไปยังพื้นที่แห่งหนึ่ง ทั้งยังแผ่รัศมีแห่งความยิ่งใหญ่อันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
ที่นี่คือสถานที่อันสูงส่งที่สุดในอาณาจักรเทพ ถูกขนานนามว่าหอคอยแห่งทวยเทพ มีเพียงสมาชิกของคณะกรรมการอาณาจักรเทพที่ถูกเรียกว่าวงมหาเทพเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ย่างเท้าเข้ามาได้ และสมาชิกของวงมหาเทพล้วนเป็นบุคคลสำคัญระดับราชาเทพทั้งสิ้น
และในวันนี้ ภายในอาณาจักรเทพกำลังมีการประชุมที่สำคัญและเคร่งเครียดอย่างยิ่ง นี่ถึงขนาดเป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของอาณาจักรเทพ และยังเกี่ยวข้องกับดินแดนของเหล่าสรรพชีวิตที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอาณาจักรเทพอีกด้วย
ชั้นบนสุดของหอคอยแห่งทวยเทพ แกนกลางแห่งอาณาจักรเทพที่ราวกับลูกแก้วคริสตัลกำลังแผ่รัศมีแสงอันนุ่มนวลออกมา เหล่าราชาเทพแห่งอาณาจักรเทพสามารถชี้นำและคุ้มครองระนาบต่างๆ ในดินแดนของเหล่าสรรพชีวิตที่อยู่ภายใต้การดูแลผ่านสิ่งนี้ได้
ในยามนี้ เหล่าราชาเทพที่ล้อมรอบแกนกลางแห่งอาณาจักรเทพอยู่ ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมและเงียบงัน จากสีหน้าของพวกเขาก็สามารถมองออกได้ว่า เรื่องที่พวกเขากำลังหารือกันในขณะนี้สำคัญเพียงใด แม้แต่ระดับราชาเทพอย่างพวกเขายังต้องรู้สึกหนักใจ
ราชาเทพแห่งแสง จางกงเว่ย ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง กวาดสายตาอันทรงอำนาจผ่านเหล่าราชาเทพ เมื่อถูกสายตาของเขากวาดมอง ราชาเทพบางคนถึงกับมีสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติปรากฏขึ้น
“ทำไมไม่พูดกันแล้วล่ะ? พูดมาสิ บอกมาว่าหลายปีมานี้พวกเจ้าไปทำอะไรกันมาบ้าง?” จางกงเว่ยกล่าวอย่างเย็นชา
“ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา บนทวีปโต้วหลัว มีคนทั้งหมดสามร้อยหกสิบแปดคนที่ทะลวงผ่านกำแพงกั้นและเลื่อนระดับเป็นเทพได้ ในจำนวนนั้น มีมากถึงสามสิบหกคนที่สามารถไปถึงระดับเทพระดับหนึ่งได้ ความเร็วในการขยายตัวของอาณาจักรเทพเพิ่มขึ้นแทบจะเป็นทวีคูณ พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนที่ถังซานจะจากไปเขาพูดไว้อย่างไร? พวกเจ้าลืมภัยคุกคามจากกฎแห่งจักรวาลไปแล้วหรือ?”
“ทวีปโต้วหลัวยิ่งกลับกลายเป็นโกลาหลวุ่นวาย ทุกครั้งที่สถาบันสื่อไหลเค่อรับสมัครนักเรียนใหม่ แม้แต่ทางฝั่งอาณาจักรเทพมังกรก็ยังมีคนเดินทางมาสมัคร ตอนนี้ดีเลย ทวีปโต้วหลัวจะกลายเป็นสวนสัตว์อยู่แล้ว มีทุกเผ่าพันธุ์ มีทุกระดับชั้น แม้กระทั่งมีคนมาท้าทายเหล่าทวยเทพในอาณาจักรเทพเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเทพโดยตรงแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ทวีปโต้วหลัวจะเป็นอย่างไร? แดนเทพโต้วหลัวของเราจะเป็นอย่างไร? พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าระนาบอื่นมีความคิดเห็นกันมากแล้ว พวกเขากำลังพูดว่าเราลำเอียงต่อทวีปโต้วหลัว ลำเอียงต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ ดาวโต้วหลัวใกล้จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาจักรเทพอยู่แล้ว”
ขณะที่จางกงเว่ยกำลังพูดอย่างเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนผู้มีรูปโฉมหล่อเหลาและแววตาองอาจผึ่งผายซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากเบื้องล่างของเขา ก็พึมพำกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นท่านเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าการสอนไม่แบ่งแยกชนชั้น? คนแรกที่ได้เป็นเทพระดับหนึ่ง ก็เป็นศิษย์ที่ท่านไปสอนที่สถาบันสื่อไหลเค่อมิใช่หรือ?”
คำพูดของจางกงเว่ยหยุดชะงักลงทันที เขาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเกรี้ยวกราด “ไห่หลง ตอนนี้ทุกคนกำลังช่วยกันคิดหาวิธี เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ถ้าตอนรอบแรกเจ้าไป เจ้าจะสอนเทพระดับหนึ่งออกมาไม่ได้เชียวหรือ? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย คนขี้เกียจอย่างข้า ศิษย์ของข้าต่างหากที่ยอดเยี่ยมเกินไป”
มุมปากของไห่หลงกระตุกเล็กน้อย “ใช่ ยอดเยี่ยมมาก หลิงอวี่โม่เจ้าหนูนั่นตอนนี้เป็นเทพแห่งความเกียจคร้าน หนึ่งในเจ็ดเทพหลักแห่งบาปต้นกำเนิด สมกับที่ว่าต้นคดปลายคด มีอาจารย์ขี้เกียจอย่างไร ก็ย่อมมีศิษย์ขี้เกียจอย่างนั้น”
“เอาล่ะๆ ไห่หลง เจ้าอย่าทะเลาะกับหัวหน้าเลย เจ้าให้เขาพูดถึงวิธีแก้ปัญหาก่อนเถอะ พวกเราก็อย่าว่ากันเลย คนที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันสื่อไหลเค่อแล้วได้เลื่อนขั้นเป็นเทพระดับหนึ่งในท้ายที่สุด เกือบทั้งหมดก็เป็นศิษย์ของพวกเราทั้งนั้น พี่ใหญ่ก็อย่าว่าพี่รองเลย” เทพคลั่งเหลยเซียงกล่าวอย่างจนใจ
เทพมรณะอาไต้ที่นั่งอยู่ถัดจากเหลยเซียงกล่าวเรียบๆ ว่า “คณะอาจารย์เทวะ ทุกคนมีส่วนร่วม!”
นับตั้งแต่ที่อาณาจักรเทพกลับคืนมาเมื่อหลายปีก่อน ผู้ปกครองคนเดิม มหาราชาเทพสูงสุดถังซาน เพื่อตามหาชาติภพของภรรยาที่ล่วงลับไป จึงได้ไปเกิดใหม่พร้อมกับภรรยาของเขา ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองอาณาจักรเทพ ราชาเทพแห่งแสงจางกงเว่ย ก็ทำตัวเป็นเสือนอนกิน มอบหมายให้ฮั่วอวี่ฮ่าว บุตรเขยของถังซานเป็นผู้ดูแลอาณาจักรเทพ
การพัฒนาของอาณาจักรเทพดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เหล่าราชาเทพกลับว่างจนเบื่อเหลือทน ด้วยความเบื่อหน่าย จึงมีราชาเทพองค์หนึ่งเสนอให้ไปยังสถาบันสื่อไหลเค่อบนดาวโต้วหลัว ปลอมตัวเป็นอาจารย์สอนศิษย์ ในนามอันสวยหรูว่าคณะอาจารย์เทวะ เหล่าราชาเทพต่างสนุกสนานกับเรื่องนี้และผลัดเปลี่ยนกันไป เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็เกิดปัญหาดังที่จางกงเว่ยกล่าวเมื่อครู่นี้ การประชุมในวันนี้ก็เพื่อหารือถึงวิธีแก้ปัญหานี้
“เงียบ!” จางกงเว่ยตวาดเสียงเข้ม
เหล่าราชาเทพพลันเงียบลง
สายตาของจางกงเว่ยจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณวงนอก ซึ่งกำลังหลบอยู่ด้านหลังเทพีราชาผมเงินนัยน์ตาสีม่วงนางหนึ่ง มือข้างหนึ่งยังโอบเอวของเทพีราชานางนั้นอยู่ เขาตวาดว่า “ถังอู่หลิน ตอนนั้นเรื่องคณะอาจารย์สื่อไหลเค่อก็เป็นความคิดของเจ้า บอกมาสิว่าเรื่องนี้ควรจะแก้ไขอย่างไร? ทวีปโต้วหลัวเดิมทีก็เป็นฐานที่มั่นของตระกูลเจ้า สถาบันสื่อไหลเค่อยิ่งเป็นสถานที่ที่บิดาของเจ้าและเจ้าเติบโตมา”
“แค่กๆ” ถังอู่หลินโผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังกู่เยว่น่าภรรยาของเขาอย่างไม่เต็มใจนัก พร้อมกับแสดงสีหน้าจนปัญญาออกมา กล่าวว่า “ท่านอาจางกง ข้าคือเทพแห่งการทำลายล้างนะ ข้ารู้แต่การทำลายล้าง จะไปออกความคิดได้อย่างไร! ตอนนั้นข้าก็แค่เห็นว่าทุกคนเบื่อ ถึงได้ให้คำแนะนำนี้ไป ใครจะคิดว่าพวกท่านก็ไม่ควบคุมกันบ้าง สอนเทพออกมามากมายขนาดนี้ ข้าเองก็จนใจเหมือนกัน!”
จางกงเว่ยกล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “ตอนนี้ข้าให้เจ้าออกความคิด”
ถังอู่หลินถอนหายใจ กล่าวว่า “หากจะแก้ไขก็ไม่ยาก ปิดภาควิชาที่พวกท่านก่อตั้งขึ้นให้หมด ยุบคณะอาจารย์เทวะเสีย ต่อไปก็อย่าลงไปยังโลกเบื้องล่างอีก แค่นี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?”
“แล้วภาควิชาแสงศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะทำอย่างไร? นั่นของข้า...” จางกงเว่ยโพล่งออกมาแทบจะในทันที แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเหล่าราชาเทพ ก็หยุดพูดอย่างกระอักกระอ่วน
เขากระแอมหนึ่งครั้ง ราชาเทพแห่งแสงผู้นี้กล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะขี้เกียจ แต่การใช้วิธีแบบคนขี้เกียจสอนนักเรียนก็สนุกดีเหมือนกัน”
เทพคลั่งเหลยเซียงหัวเราะเหอะๆ “ทุกครั้งที่โยนศิษย์ลงจากหน้าผา ให้พวกเขาสัมผัสถึงแก่นแท้ของภาควิชาปลุกพลังของข้า ก็เป็นอะไรที่ไม่เลวเลยทีเดียว”
ถังอู่หลินกล่าวอย่างจนปัญญา “เห็นไหม พวกท่านเป็นกันแบบนี้ จะมาโทษข้าได้อย่างไร หากไม่ยุบคณะอาจารย์เทวะ ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มีทางแก้ไขได้ อาณาจักรเทพยังคงขยายตัวต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าจะเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นได้ เมื่อใดที่กฎแห่งจักรวาลมาเยือน ใครก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่อาจย้อนกลับได้ขึ้นบ้าง ทางฝั่งอาณาจักรเทพมังกรของเซวียนอวี่ควบคุมได้ดีมาก ท่านอาท่านลุงทั้งหลาย พวกท่านก็ต้องคำนึงถึงส่วนรวมด้วยสิ!”
จางกงเว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังราชาเทพองค์อื่นๆ จักรพรรดิสวรรค์เทียนเหินถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องทำตามที่อู่หลินบอก ไม่อย่างนั้นหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะเป็นปัญหาไม่น้อยจริงๆ จากนั้นเรายังต้องบีบอัดอาณาจักรเทพลงอีกหน่อย ทางฝั่งทวีปโต้วหลัว ก็ต้องจำกัดการพัฒนาด้วย”
เหล่าราชาเทพแห่งวงมหาเทพต่างมองหน้ากันไปมา ในที่สุดก็พยักหน้ายอมรับทีละคน
จางกงเว่ยถอนหายใจ กล่าวว่า “ทางสถาบันสื่อไหลเค่อ ก็ต้องชี้แจงด้วย ตอนนี้ใครเป็นผู้อำนวยการ?”
ราชาเทพองค์หนึ่งที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดกระแอมหนึ่งครั้ง กล่าวว่า “คือข้าเอง”
มุมปากของจางกงเว่ยกระตุกทันที “อินจู๋ เจ้าเป็นถึงราชาเทพกลับไปเป็นผู้อำนวยการ? นี่เจ้าทำผิดกฎนะ!”
จักรพรรดิพิณเย่อินจู๋กล่าวอย่างจนใจว่า “ช่วยไม่ได้ นักเรียนในสถาบันบอกว่าข้าดีดพิณได้ไพเราะเหลือเกิน ยืนกรานจะให้ข้าเป็นให้ได้ ข้าก็จนปัญญา ได้แต่ตอบสนองความต้องการของพวกเขา เป็นให้ชั่วคราวไปก่อน”
จางกงเว่ยเกาศีรษะอย่างหงุดหงิด “เอาล่ะ เอาตามนี้แล้วกัน สถานการณ์ของสถาบันสื่อไหลเค่อรีบจัดการให้เรียบร้อย ภาควิชาที่เราตั้งขึ้นก็รีบปิดให้หมดโดยเร็ว แยกคณะอาจารย์เทวะออกจากสถาบันสื่อไหลเค่อ ฟื้นฟูสภาพปกติของสถาบันโดยเร็วที่สุด”
เหล่าราชาเทพต่างพยักหน้าอย่างจนใจ
ในขณะนั้นเอง เสียงที่สงบราบเรียบพร้อมรอยยิ้มก็ดังขึ้น:
“ไม่ ไม่ต้องยุบ ไม่เพียงแต่ต้องรักษาธรรมเนียมของคณะอาจารย์เทวะไว้ แต่ยังต้องทำให้ยิ่งใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่อาณาจักรเทพของเราครอบคลุมอยู่ แม้กระทั่งเปิดเส้นทางเชื่อมต่อกับอาณาจักรเทพมังกรด้วย”
ราชาเทพทุกคนในที่นั้นแทบจะลุกพรวดขึ้นพร้อมกันในทันที ดวงตาจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่ง
สองร่างค่อยๆ บินมาจากแดนไกล
คนหนึ่งคือชายหนุ่มรูปงามผมยาวสลวยสีฟ้าน้ำทะเลผู้ถือตรีศูลทองคำ ที่เขาจูงมืออยู่คือสตรีร่างสูงโปร่งผู้ถักผมเปียหางแมงป่อง บนใบหน้างดงามปรากฏรอยยิ้มหวานละมุน
“ท่านแม่——” จากอีกทิศทางหนึ่งของอาณาจักรเทพ ร่างแสงอันเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งเข้ามาในทันที ร่างแสงสีชมพูฟ้าลากเส้นสายรุ้งอันงดงามบนท้องฟ้า พุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงสาวผู้ถักผมเปียหางแมงป่องแทบจะในทันที
“ท่านแม่!” ถังอู่หลินก็พุ่งตัวออกไปในทันทีเช่นกัน เข้าไปกอดจากอีกด้านหนึ่งอย่างแนบแน่น
ชายหนุ่มผมสีฟ้าลูบจมูกของตนเอง แล้วหดแขนที่กางออกแล้วกลับมาอย่างเสียไม่ได้
ทำไมกัน? ทำไมพวกเขาถึงทำเมินพ่อคนนี้อย่างข้าได้นะ ข้า ราชาเทพสูงสุด เทพสมุทรถังซาน กลับมาแล้วนะ! อีกอย่าง เมื่อวานก็เพิ่งเจอกันไปแล้ว ดูเหมือนเมื่อวานพวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับตนเองเท่าไหร่ เอาแต่ล้อมวงอยู่รอบๆ เสียวอู่
จริงสิ อืม ข้ายังเป็น ผู้อำนวยการสถาบันสื่อไหลเค่อ หัวหน้าคณะอาจารย์เทวะก็ควรจะเป็นข้าด้วย!
————
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น