📃นิยาย ผนึกเทพบัลลังก์ราชัน1.5(Side Story) : บทที่ 23 เฮปเบิร์น vs ตี้หลัวเทียน

📚 ผนึกเทพบัลลังก์ราชันย์ ภาค1.5 : ตำนานเทพผู้พิทักษ์สวรรค์ (Side Story)

บทที่ 23 เฮปเบิร์น vs ตี้หลัวเทียน

ในบรรดาสามจักรวรรดิใหญ่ ประเทศที่มีกำลังเข้มแข็งที่สุดคือจักรวรรดิออสมัน ออกัสตินมั่นใจได้ว่าจะเป็นจักรพรรดิในอนาคต และเป็นผู้ที่มีระดับกึ่งเทพ และจุดที่ร้ายกาจที่สุดของเมล็ดพันธุ์แห่งรักทางจิตวิญญาณก็คือ เมื่อรักกันแล้ว ก็จะรักจนวันตาย และจะมีคู่ครองเพียงคนเดียวเท่านั้น จะมีอะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแน่นแฟ้นยิ่งกว่าการแต่งงานอีกหรือ?

ดังนั้น พายุพลังจิตที่อีน่าร่ายก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ที่สำคัญกว่าคือการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งรักทางจิตวิญญาณลงไป เพื่อประเทศของตนเอง อีน่าจำต้องเลือกเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกของออกัสตินหรือพลังของเขา นางก็ไม่ได้รังเกียจ

เมล็ดพันธุ์แห่งรักทางจิตวิญญาณตอนที่เพิ่งจะถูกปลูกลงไปนั้นเปราะบางที่สุด ต้องใช้เวลาในการดูดซับอย่างเต็มที่ ดังนั้น ถังหลิงแม้จะรู้ดีว่าเฮปเบิร์นนักเวทที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนคนนี้ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของตี้หลัวเทียนแห่งจักรวรรดิกุสตาได้ แต่ก็ยังคงไม่ได้ขัดขวางการแข่งขัน

ขอเพียงแค่การแข่งขันดำเนินต่อไป ความสนใจของเหล่าสุดยอดฝีมือของทั้งสองฝ่ายก็จะอยู่ที่การแข่งขัน ใครเลยจะไปสังเกตการเปลี่ยนแปลงบนร่างของออกัสติน อย่างไรเสีย การที่จะตรวจพบเมล็ดพันธุ์แห่งรักทางจิตวิญญาณได้นั้น ต้องใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งในการสำรวจอย่างละเอียดเท่านั้น และอีกเพียงไม่กี่นาที เมล็ดพันธุ์แห่งรักทางจิตวิญญาณก็จะถูกออกัสตินดูดซับอย่างสมบูรณ์

พร้อมกับเสียง "เริ่ม" ของถังหลิง การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้นในทันที

ปฏิกิริยาของเฮปเบิร์นรวดเร็วมาก คทาเวทมนตร์ในมือของนางชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้น ลูกไฟขนาดใหญ่ก็รวมตัวกันขึ้นมา นี่ไม่ใช่ลูกไฟธรรมดาระดับหนึ่ง แต่เป็นลูกไฟขนาดใหญ่ระดับสาม มีผลระเบิด ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าลูกไฟระเบิด

การร่ายเวทมนตร์เช่นนี้แน่นอนว่าไม่นับเป็นอะไร แต่ปัญหาคือ นางร่ายได้ทันที

ในสถานการณ์ปกติ การที่จะร่ายลูกไฟระเบิดระดับสามได้ทันทีนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีพลังระดับหกหรือแม้กระทั่งระดับเจ็ด และที่เฮปเบิร์นสามารถทำได้นั้น ย่อมเป็นเพราะการชี้แนะของข้า

แม้ว่านางจะไม่สามารถควบคุมธาตุทั้งหมดได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องร่ายคาถาเหมือนข้าได้ แต่คาถาของสิ่งนี้ก็ย่อมมีเทคนิคบางอย่าง ลูกไฟระเบิดในบรรดาเวทมนตร์ระดับสามถือว่ามีพลังทำลายล้างที่สูงมาก ใช้ในการเปิดฉากต่อสู้เหมาะสมที่สุด

ลูกไฟระเบิดที่ร่ายได้ทันทีขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเผชิญกับลม เนื่องจากหอคอยเทวะก่อนหน้านี้กำลังดึงดูดธาตุเวทมนตร์ต่างๆ เมื่อเฮปเบิร์นเริ่มโจมตี ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเวทมนตร์เดียวกันเมื่อร่ายที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีพลังทำลายล้างที่มากกว่าตอนที่ตนเองร่ายเอง แม้แต่การรับรู้ธาตุไฟก็เฉียบคมขึ้น ในความมืดมิด นางได้สัมผัสถึงขอบเขตของการทะลวงผ่านแล้ว

ลูกแก้วคริสตัลหกลูกรอบกายตี้หลัวเทียนส่องประกายพร้อมกัน แต่ละลูกยิงลำแสงออกมาสายหนึ่ง วาดเป็นดาวหกแฉกตรงหน้าเขาในทันที

เสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น จากนั้น ร่างมหึมาก็เบียดเสียดออกมาจากดาวหกแฉกนั้น ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มร่ายคาถาทุ้มต่ำ รอบกายเริ่มปรากฏคลื่นบิดเบี้ยว

ที่โผล่ออกมาจากดาวหกแฉกคือคางคกขนาดมหึมาตัวหนึ่ง สูงถึงสามเมตร ทั่วทั้งร่างดำสนิท ด้านหลังมีลวดลายสีเขียว มันอ้าปากก็กลืนลูกไฟระเบิดที่พุ่งเข้ามาเข้าไปในปาก วินาทีต่อมา ร่างอ้วนใหญ่ของมันสั่นสะท้านเล็กน้อย มีกระแสลมไหลเวียนรอบกายถึงกับสลายการโจมตีของเฮปเบิร์นไปเช่นนี้

เฮปเบิร์นเพิ่งจะเคยเผชิญหน้ากับผู้อัญเชิญเป็นครั้งแรก มองดูคางคกขนาดมหึมาฝั่งตรงข้ามก็ตกใจไปเล็กน้อย รีบสร้างโล่วิญญาณอัคคีขึ้นมาตรงหน้าตนเอง

เกือบจะในขณะที่โล่วิญญาณอัคคีของนางปรากฏขึ้น คางคกฝั่งตรงข้ามก็อ้าปากอีกครั้ง กระแสลมที่มองไม่เห็นสายหนึ่งก็พุ่งออกมาอย่างกะทันหัน

ปฏิกิริยาของเฮปเบิร์นรวดเร็วมาก ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรงทำให้นางตระหนักว่าผิดปกติ รีบสร้างโล่วิญญาณอัคคีขึ้นมาตรงหน้าตนเองอีกสามชั้น โล่วิญญาณอัคคีแต่ละชั้นรวมเข้ากับชั้นหน้าอย่างรวดเร็ว ในเวลาอันสั้นซ้อนทับกัน โล่วิญญาณอัคคีก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นโล่เปลวไฟขนาดมหึมา—โล่วิญญาณอัคคี!

โล่วิญญาณอัคคีคือเวทมนตร์สายธาตุไฟระดับห้า เป็นเวทมนตร์ป้องกันที่หาได้ยากในบรรดาเวทมนตร์สายธาตุไฟ เมื่อเฮปเบิร์นร่ายโล่วิญญาณอัคคีนี้ออกมา แม้แต่เหล่าเทพมนตราก็อดที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่ได้

เวทมนตร์ระดับห้าหนึ่งคาถาไม่น่าจะทำให้พวกเขาประหลาดใจได้ พวกเขาประหลาดใจที่เฮปเบิร์นเมื่อใช้โล่วิญญาณอัคคีนั้น ผ่านการซ้อนทับโล่วิญญาณอัคคีระดับสามสี่ชั้นกลายเป็นโล่วิญญาณอัคคี

การทำเช่นนี้จริงๆ แล้วการสิ้นเปลืองไม่ได้น้อยไปกว่าการร่ายโล่วิญญาณอัคคีระดับห้าโดยตรงเลย แต่ปัญหาคือ การซ้อนทับโล่วิญญาณอัคคีที่ร่ายได้ทันทีสี่ชั้น ปริมาณเปลี่ยนเป็นคุณภาพ นี่คือเทคนิคที่ฉลาดมาก และยังเป็นเทคนิคระดับสูงอีกด้วย ผ่านการร่ายเวทมนตร์ระดับต่ำที่ร่ายได้ทันทีซ้อนทับกันเป็นเวทมนตร์ระดับสูง ต่อให้เป็นนักเวทระดับสูงบางคนก็อาจจะทำไม่ได้ นี่คือทิศทางสำคัญในการวิจัยเวทมนตร์ของหอคอยเทวะในปัจจุบัน ไม่คิดว่าจะได้เห็นผลงานบนร่างของนักเวทสาวจากเมืองตี้หรง

เมื่อเฮปเบิร์นลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันก่อนหน้านี้ สุดยอดฝีมือที่อยู่ในที่นั้นต่างก็มองออกว่า ด้วยพลังของนาง ไม่เพียงพอที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ระดับประเทศได้ แต่ในตอนนี้ การรับรู้และการร่ายเวทมนตร์ของเฮปเบิร์นทำให้เหล่าสุดยอดฝีมือต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่า หญิงสาวที่ดูเหมือนจะมีพลังอย่างมากก็แค่ระดับหกคนนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีวิชาพิเศษอะไรจริงๆ?

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ปืนใหญ่อากาศระเบิดบนโล่วิญญาณอัคคี ร่างของเฮปเบิร์นถูกผลักถอยหลังไปสิบกว่าเมตร แต่ก็ยังคงรักษาโล่วิญญาณอัคคีไว้ได้ ไม่ทำให้มันแตกสลาย

เทคนิคการร่ายเวทมนตร์ระดับต่ำที่ร่ายได้ทันทีรวมกันเป็นเวทมนตร์ระดับสูงเช่นนี้ ย่อมเป็นข้าที่สอนนาง! นอกจากออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ใครจะไปคิดไอเดียดีๆ แบบนี้ได้? แน่นอนว่าการซ้อนทับแบบนี้ก็มีข้อเสีย นั่นคือเวทมนตร์ระดับสูงที่ปล่อยออกมาในท้ายที่สุดไม่สามารถเกินวรยุทธ์ของตนเองได้

เฮปเบิร์นถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว อีกด้านหนึ่ง การร่ายคาถาของตี้หลัวเทียนก็จบลงแล้ว ด้านข้างของเขา เปิดประตูมิติที่บิดเบี้ยวขึ้นมาสองบาน วินาทีต่อมา สองร่างก็โผล่ออกมาจากข้างในปรากฏว่าเป็นสุนัขยักษ์สองตัวที่ลำตัวยาวเกินห้าเมตร บนร่างของพวกมันมีเปลวไฟสีเขียวลุกโชน ร่างกายเป็นสีดำอมม่วง หัวที่น่ากลัวใหญ่เป็นพิเศษ อ้าปากก็จะเห็นเขี้ยวแหลม

สุนัขนรก! สัตว์อสูรระดับแปดที่น่าสะพรึงกลัว เทียบเท่ากับสุดยอดฝีมือระดับเจ็ดของมนุษย์

สุนัขนรกสองตัวนี้เพิ่งจะปรากฏตัวออกมา เฮปเบิร์นฝั่งตรงข้ามก็หน้าซีดไปแล้ว ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะถูกรูปลักษณ์ที่น่ากลัวของสุนัขนรกทำให้ตกใจ แต่นางก็ไม่ได้ยอมแพ้หรือถอยหนี คาถาที่ร่ายอยู่ในปากก็ไม่ได้หยุดลง

ที่ถูกต้องกว่าคือ ตอนที่นางร่ายโล่วิญญาณอัคคีระดับต่ำก่อนหน้านี้ ก็ร่ายคาถาอยู่ตลอดเวลา การร่ายเวทมนตร์ที่ร่ายได้ทันทีพร้อมกับร่ายคาถาเวทมนตร์อื่น ก็เป็นอีกหนึ่งการประยุกต์ใช้ระดับสูง และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะการชี้แนะของข้าถึงได้มีความสามารถเช่นนี้

สุนัขนรกสองตัวคำรามเสียงหนึ่ง แล้วก็เร่งความเร็วพร้อมกัน เหยียบเปลวไฟในอากาศพุ่งไปยังเฮปเบิร์น คางคกตัวก่อนหน้านี้ยังคงพ่นปืนใหญ่อากาศออกมาจากปาก โจมตีเฮปเบิร์นครั้งแล้วครั้งเล่า กระแทกโล่วิญญาณอัคคีของนางอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ตี้หลัวเทียนลองโจมตีแล้ว ก็ได้ตัดสินแล้วว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของตนเองได้ ครั้งนี้เขาและออกัสตินสามารถเป็นตัวแทนของสองจักรวรรดิใหญ่มาเยือน ย่อมมีเหตุผล

ออกัสตินไปถึงระดับแปดกลางแล้ว และเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ระดับแปดแล้ว เมื่อพูดถึงวรยุทธ์ พวกเขาล้วนอยู่เหนืออีน่าเจ้าหญิงที่เคยต่อสู้กับออกัสตินก่อนหน้านี้ หญิงสาวตรงหน้านี้แม้ว่าการควบคุมเวทมนตร์สายธาตุไฟจะดี แต่พลังอย่างมากก็แค่ระดับหกเท่านั้น ช่องว่างด้านวรยุทธ์ที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ ประกอบกับพื้นฐานของเขาเอง ทำให้เขาไม่ได้มองฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสายตาเลย

ตอนนี้ตี้หลัวเทียนกำลังคิดว่า หลังจากที่เอาชนะเฮปเบิร์นแล้ว เขายังจะต้องท้าทายผู้ชนะในรอบก่อนหน้านี้อีก ออกัสตินแม้ว่าจะมากับเขา เป็นพันธมิตรชั่วคราวของเขา แต่ในการแข่งขันเช่นนี้ หากเขาสามารถเป็นตัวแทนของจักรวรรดิกุสตาเอาชนะออกัสตินได้อีก เขาก็จะโด่งดังไปทั่วทวีป ยิ่งจะกลายเป็นวีรบุรุษของจักรวรรดิกุสตา

ป.ล. :

นิยายภาคแยกของผู้แต่งถังเจียซานเส่า วางขายรูปแบบหนังสือจำนวน 1เล่ม(จบ)

↩ ตอนก่อนหน้า หน้าแรก/สารบัญ ตอนต่อไป ↪