📃นิยาย ผนึกเทพบัลลังก์ราชัน1.5(Side Story) : บทที่ 24 เฮปเบิร์นได้รับบาดเจ็บ

📚 ผนึกเทพบัลลังก์ราชันย์ ภาค1.5 : ตำนานเทพผู้พิทักษ์สวรรค์ (Side Story)

บทที่ 24 เฮปเบิร์นได้รับบาดเจ็บ

ตี้หลัวเทียนรู้ดีว่าในสถานการณ์ปกติ ตนเองย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของออกัสติน แต่ก่อนหน้านี้มังกรทองของออกัสตินได้ระเบิดพลังสายเลือดเพื่อต้านทานพายุพลังจิตให้เขา ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว นับเป็นโอกาสอันดีที่หาได้ยาก

ในสายตาของตี้หลัวเทียนแล้ว สุนัขนรกสองตัวก็เพียงพอที่จะจัดการกับเฮปเบิร์นได้แล้ว นี่เทียบเท่ากับพลังของสุดยอดฝีมือระดับเจ็ดของมนุษย์ สุนัขนรกธาตุคู่ความมืดและไฟ ในระดับเดียวกันล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เฮปเบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว นางกระพือปีกทั้งสองข้างด้านหลัง บินไปยังแดนไกลอย่างรวดเร็ว คาถาในปากก็ไม่ได้หยุดลง

การรักษาระยะห่าง ไม่เพียงแต่จะทำให้พลังของปืนใหญ่อากาศของคางคกอ่อนแอลง ในขณะเดียวกันก็เป็นการถอยหลบไปข้างหลัง

นางไม่ได้บินตรงไปยังแดนไกล แต่กลับบินไปทางด้านหลังซ้าย ปีกเพลิงกระพือ ความเร็วไม่ช้า

แต่ทว่า ความเร็วของสุนัขนรกทั้งสองตัวกลับเร็วกว่า พวกมันที่เหยียบเปลวไฟในอากาศ กำลังไล่ตามเฮปเบิร์นอย่างรวดเร็ว

แต่เพราะเฮปเบิร์นบินไปทางด้านหลังซ้าย สุนัขนรกทั้งสองตัวก่อนหน้านี้พุ่งออกมาขนานกัน ในตอนนี้เพราะเปลี่ยนทิศทาง ก็เลยกลายเป็นตัวหนึ่งอยู่หน้า ตัวหนึ่งอยู่หลัง

ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายค่อยๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว

ข้าที่ชมการต่อสู้อยู่ข้างล่างก็อดที่จะกังวลไม่ได้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าใจว่าตอนนี้เฮปเบิร์นกำลังทำอะไร และก็เพราะเหตุนี้ ข้าถึงไม่ได้ห้ามนาง

การต่อสู้จริงของนางส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นการซ้อมกับข้า ดังนั้นข้าจึงรู้ดีถึงความสามารถในการต่อสู้จริงของผู้หญิงที่เต็มไปด้วยคำโกหกและเจ้าเล่ห์คนนี้

เมื่อพูดถึงวรยุทธ์ นางย่อมไม่ไหว แต่หากพูดถึงความเจ้าเล่ห์แล้ว นั่นย่อมทำได้แน่นอน ข้าเองก็เคยโดนหลอกมาก่อน เมื่อครู่นี้อะไรที่ว่าหน้าซีดเผือดนั่น ถ้านางไม่ได้แกล้งทำ ข้าจะยอมให้เรียกว่าอะไรก็ได้...

บนฟ้า สุนัขนรกทั้งสองตัวอยู่ห่างจากเฮปเบิร์นไม่ถึงสิบเมตรแล้ว เปลวไฟนรกที่ร้อนแรงถึงกับทำให้โล่วิญญาณอัคคีบนร่างนางเริ่มสั่นสะเทือน

และในตอนนั้นเอง คาถาที่เฮปเบิร์นร่ายมาตั้งแต่แรกก็พลันหยุดลง นางที่กำลังถอยหลังอย่างรวดเร็วก็พลันหยุดบิน

ด้านหลังเฮปเบิร์น เงาแสงสีแดงเพลิงสายหนึ่งก็พลันระเบิดเบ่งบานออกมา นั่นเห็นได้ชัดว่าเป็นร่างของมนุษย์ แต่กลับใหญ่โตเป็นพิเศษ สูงถึงสิบกว่าเมตร แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา ธาตุไฟในอากาศแทบจะในทันทีก็รวมตัวกันไปยังร่างมหึมานั้นราวกับทะเลที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำร้อยสาย

ร่างของเฮปเบิร์นหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ และสุนัขนรกที่พุ่งมาข้างหน้าก็ชนเข้ามาแล้ว ปากใหญ่อ้าออก กัดเข้าที่โล่วิญญาณอัคคี ฉีกโล่วิญญาณอัคคีเป็นชิ้นๆ

เฮปเบิร์นกำลังจะถูกกลืนกินงั้นหรือ?

ในตอนนั้น นางกลับยกมือขวาขึ้นแล้ว ชี้ไปข้างหน้า และเงาแสงมหึมาด้านหลังนาง ก็ทำท่าทางเดียวกัน

ไกลออกไป ตี้หลัวเทียนที่กำลังคิดถึงการท้าทายออกัสตินในภายหลัง และการได้รับชัยชนะในการแข่งขันในวันนี้ก็พลันตื่นขึ้น เงยหน้ามองไปยังทิศทางของสนามรบไกลออกไป

สุนัขนรกตัวแรกที่อ้าปากใหญ่ กำลังจะกัดเฮปเบิร์นก็พลันหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้านาง และสุนัขนรกตัวหลังเพราะไล่ตามมาติดๆ ในตอนนี้จึงอยู่ด้านหลังสุนัขนรกตัวแรกพอดี กำลังจะพุ่งเข้ามาใกล้แล้ว

ที่ท้ายทอยของสุนัขนรกตัวแรก พลันมีจุดสีแดงทองส่องประกาย สุนัขนรกตัวหลังไม่มีการเตรียมตัวใดๆ ทั้งสิ้น จุดสีแดงทองนั้นก็ยิงเข้าที่หัวของมันแล้ว ดังนั้น สุนัขนรกตัวที่สองนี้ก็พลันหยุดนิ่งไปเช่นกัน

สายธาตุไฟ เวทมนตร์ระดับเจ็ด ดัชนีเทพอัคคี

เฮปเบิร์นที่มีพลังเพียงระดับห้าจุดสูงสุด ยังไม่ถึงระดับหก อาศัยการร่ายคาถาเป็นเวลานาน ประกอบกับธาตุไฟที่เข้มข้นอย่างหาที่เปรียบมิได้รอบๆ หอคอยเทวะ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ร่ายเวทมนตร์สายธาตุไฟระดับเจ็ดออกมาได้ และนางยังใช้เวทมนตร์เดี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดของสายธาตุไฟนี้ สังหารสุนัขนรกระดับแปดสองตัวในทันที

แม้ว่าวรยุทธ์ของนางจะด้อยกว่าคู่ต่อสู้มาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่มีใครมองว่านางจะชนะ ในชั่วขณะนี้ นางได้ปลดปล่อยแสงแห่งความรุ่งโรจน์ของตนเองออกมาแล้ว และในชั่วขณะที่ร่ายดัชนีเทพอัคคีออกมานั้น คอขวดระดับหกที่กดดันนางมาตลอดก็พลันเปิดออก ทำให้นางก้าวขึ้นสู่ระดับหกมหาจอมเวท

สุนัขนรกขนาดใหญ่สองตัวหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศเป็นเวลาหลายวินาที เปลวไฟบนร่างก็พลันสลายไป ร่างกายมหึมาก็ร่วงหล่นลงมา

ด้วยวรยุทธ์ระดับห้าจุดสูงสุด สังหารสัตว์อสูรระดับแปดสองตัวในหนึ่งกระบวนท่า และด้วยเหตุนี้จึงก้าวขึ้นสู่ระดับหกมหาจอมเวท เฮปเบิร์นก็สามารถภาคภูมิใจได้แล้ว นางใช้ความฉลาด ปัญญา และความพยายามของตนเอง ทำตามความคิดของตนเองได้สำเร็จจริงๆ แม้แต่ข้าก็ไม่คิดว่านางจะอาศัยธาตุเวทมนตร์ที่เข้มข้นที่หอคอยเทวะรวบรวมมา ทำให้ตนเองก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในสถานการณ์เช่นนี้ได้

สุนัขนรกสองตัวร่วงหล่นลงมา บนใบหน้าสวยของเฮปเบิร์นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับการเลื่อนระดับวรยุทธ์สู่ระดับหก ปีกเพลิงด้านหลังนางก็ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

นางริมฝีปากแดงขยับเล็กน้อย ยิ้มมองตี้หลัวเทียนที่อยู่ไกลออกไป “ข้ายอม...”

จากข้างล่างเห็นรอยยิ้มของนาง ข้าก็รู้ว่านางจะทำอะไรแล้ว เป้าหมายบรรลุแล้ว และก็รู้ดีว่าสู้คู่ต่อสู้ไม่ได้ นางย่อมจะยอมแพ้โดยตรง สังหารสุนัขนรกสองตัวของฝ่ายตรงข้ามในหนึ่งกระบวนท่า เป้าหมายในการทะลวงผ่านก็บรรลุแล้ว การแสดงของนางในรอบนี้ไม่ถือว่าน่าอับอายเลย นี่คือตอนจบที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ดังนั้น ในชั่วขณะนี้ ข้าก็ผ่อนคลายลง ถึงกับชื่นชมนางจากใจจริง ช่าง... เจ้าเล่ห์จริงๆ!

แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามที่แหลมคมอย่างยิ่งก็พลันดังขึ้น ขัดจังหวะเสียงของเฮปเบิร์น

ท้องฟ้าทั้งผืนพลันมืดลงในทันที แม้แต่ข้าก็ไม่ทันได้ตอบสนองในแวบแรก ร่างมหึมาสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากอากาศ

เสียงกรีดร้องนั้นทำให้เฮปเบิร์นสั่นสะท้านไปทั้งตัว ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าโดยตรง

ทะลวงจิต! นี่คือการทะลวงจิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

นางกำลังจะยอมแพ้แล้วนะ!

กลางอากาศ งูสามหัวขนาดมหึมาที่ลำตัวยาวเกินสามสิบเมตรปรากฏขึ้นจากอากาศ ที่ส่งเสียงกรีดร้องออกมา คือหัวตรงกลาง ตี้หลัวเทียนนั่งอยู่บนหลังของมัน

“เจ้าคนสารเลว!”

เมื่อเฮปเบิร์นร่วงหล่นลงมาจากฟ้าในชั่วพริบตานั้น ข้ารู้สึกเพียงว่าเลือดของตนเองราวกับจะแข็งตัว ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจ้าคนสารเลวที่ชื่อตี้หลัวเทียนนั่นถึงกลับจะยังคงโจมตีในสถานการณ์เช่นนี้ เขาเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นว่าเฮปเบิร์นกำลังจะยอมแพ้ อย่างไรเสีย ดัชนีเทพอัคคีได้ดึงพลังทั้งหมดของนางไปแล้ว

เจ้าคนสารเลว!

งูสามหัวขนาดใหญ่นั้นบิดตัวในอากาศ ทั่วทั้งร่างถูกแสงสีเขียวล้อมรอบไม่นึกเลยว่าจะพ่นลำแสงสีเขียวออกมาทางเฮปเบิร์นอีกครั้ง แม้แต่ร่างที่หมดแรงต้านทานของนางก็ไม่ปล่อยไป

ในชั่วขณะที่ร่างของเฮปเบิร์นร่วงหล่นลงมา ข้าก็ได้พุ่งออกไปแล้ว ในชั่วขณะนี้ ข้าไหนเลยจะสนว่านี่คือที่ไหน

ในใจข้าพลุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ดูเหมือนจะเป็นความกลัวและความตื่นตระหนก ความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงทำให้ข้ารู้สึกราวกับจะสูญเสียนางไป

ในขณะที่ทะยานขึ้นสู่ฟ้าอย่างกะทันหัน เพื่อที่จะให้การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามหยุดลง ข้าได้ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ ในชั่วพริบตานี้ บนร่างข้าก็ปลดปล่อยแสงสีม่วงทองที่รุนแรงออกมา นั่นคือลางบอกเหตุของการแปลงร่างเป็นคิเมร่า ข้าพยายามยับยั้งแรงกระตุ้นในใจ ฝืนกดการแปลงร่างเป็นคิเมร่าของตนเองไว้ ในเวลาเช่นนี้ ข้าย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้

และในเสียงคำรามของข้านี้ ร่างกายของงูสามหัวก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง แสงสีเขียวในอากาศก็สลายไป

ข้าบินครั้งนี้ได้ใช้สุดกำลังแล้ว วินาทีต่อมาก็รับเฮปเบิร์นไว้ในอากาศ

ไม่สนใจเจ้าคนสารเลวนั่นบนฟ้า ข้ารีบมองดูเฮปเบิร์น ปากและจมูกของเฮปเบิร์นเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้ายิ่งซีดขาวราวกับกระดาษ

จิตสำนึกของข้าแทรกซึมเข้าไปในทะเลแห่งจิตของนางในทันที ทะเลแห่งจิตของนางถูกกระแทกจนแตกละเอียด ทำให้จิตของนางสับสนวุ่นวายอย่างยิ่ง โชคดีที่นางเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับหก ทะเลแห่งจิตยังคงแข็งแกร่งอยู่บ้าง มิฉะนั้นแล้ว หากทะเลแห่งจิตพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงภายใต้การทะลวงจิต นางก็คงจะตายจริงๆ

ข้ารีบใช้จิตสำนึกของตนเองเพื่อทำให้ทะเลแห่งจิตของนางมั่นคง ค่อยๆ ซ่อมแซมรอยแตกเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง แต่ถึงกระนั้น ครั้งนี้ทะเลแห่งจิตของนางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังจิตที่สูญเสียไปย่อมจะทำให้วรยุทธ์ของนางลดลง หรืออาจจะตกลงจากระดับหกที่เพิ่งจะก้าวขึ้นมากลับไปสู่ระดับห้า

ป.ล. :

นิยายภาคแยกของผู้แต่งถังเจียซานเส่า วางขายรูปแบบหนังสือจำนวน 1เล่ม(จบ)

↩ ตอนก่อนหน้า หน้าแรก/สารบัญ ตอนต่อไป ↪