ตอนที่3 เริ่มการประเมิน |
. "งั้นลืมมันไปเถอะ คุณคงไม่อยากไป" โจวเหว่ยชิงมองไปที่ไต้อิ๋งแล้วโบกมือ "ฉันมีไรผิดปกติหรอลุงโจว คุณลำเอียงนี่ " ไต้อิ๋งทำหน้ามุ่ยและพูดด้วยความไม่พอใจ . โจวเหว่ยชิง หัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “เหตุผลหลักมันไม่ใช่เพราะเธอ! ยังไงซะ ฉันก็เป็นลูกศิษย์ของปู่คุณ ในแง่ของความแข็งแกร่ง พี่ชายของคุณก็แกร่งกว่าฉัน คุณอาจจะไปที่อาณาจักรเทพมังกรเพื่อตามหาเขา” . ไต้อิ๋งกระพริบตา: . “คุณหมายถึงพี่เซวียนอวี่เหรอ เขาไม่ได้มาหาฉันตั้งนานแล้ว เขายุ่งตัวเป็นเกลียว” . โจวเหว่ยชิงยิ้มและกล่าวว่า "การสอบจะเริ่มเร็วๆนี้ อันที่จริงมันเป็นการสอบแบบกลุ่ม จากนั้นแต่ละแผนกจะคัดเลือกนักเรียนที่เหมาะสมกับแผนกของตัวเอง และมีความเป็นไปได้สูง ที่นักเรียนหนึ่งคนจะถูกเลือกจากหลายแผนก ถึงเวลานั้นนักเรียนถึงจะมีสิทธิ์เลือกแผนกที่ตัวเองตั้งใจไว้แต่ทีแรก ให้คุณผ่านการทดสอบรวมในรอบแรกก่อน แล้วมาดูกันว่าคุณจะเลือกแผนกไหน" เสี่ยวอี คุณก็มากับฉันสิ มาเป็นแขกรับเชิญสักสองสามวัน . ไหล่ของอีจื่อเฉิงถูกโจวเหว่ยชิงสกิดและเขาก็ดูหมดหนทางที่จะขัดขืน "พี่โจว คุณจะเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กหรอ บอกไว้ก่อนนะ ฉันจะ..." . มาเถอะ มาเถอะ ฉันจะไปแล้ว "โจวเหว่ยชิงเหลือบมองมาที่ฮั่วอวี่เฮ่าแล้วค่อยๆคลายมือ พร้อมยิ้มให้ฮั่วอวี่เฮ่าก่อนเดินจากไป" . ดูสิ ดูสิ อีจื่อเฉินชี้ไปที่ไหล่ของเขาและยิ้มอย่างอย่างขมขื่นไปทางฮั่วอวี่เฮ่า . ใครใช้ให้คุณไปยั่วโมโหเขาล่ะ ในที่สุดพี่โจวก็ออกมา ยิ่งกว่านั้นชุดของเขายังเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับสุดยอด แต่อย่างไรก็ตาม จะให้เขาสอนลูกชายฉันไม่ได้จริงๆ ชายคนนี้มีเมียตั้งสามคน "อีจื่อเฉิน ยิ้มทันที"ฝ่ายที่รักเดียวใจเดียวอย่างพวกเรา ส่วนใหญ่ไม่ชอบพวกมากรักที่สุด . คุณพูดดีๆนะ ในบรรดาพวกที่เข้าร่วมทั้งสี่คน มีถึงสามคน ที่เป็นสมาชิกของกลุ่มพวกมากรัก และสองคนนั้นก็แกร่งกว่าพี่โจวมาก . ทำไมฉันถึงลืมเรื่องนี้ ฉันไม่ได้พูด ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย "อีจื่อเฉินเข้าใจได้ในทันใด" . ในเวลานี้ เหล่านักเรียนมารวมตัวกันที่จัตุรัส . นักเรียนที่เข้าร่วมการประเมินเหล่านี้ผ่านการคัดเลือก จากอายุและความสามารถขั้นพื้นฐานมาแล้ว และต้องผ่านการประเมินรอบคัดกรองมาแล้ว เท่านั้น จึงจะมีโอกาสได้มาเข้าร่วมประเมินจริงวันนี้ . วันนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมการประเมินจำนวน 3,640 คน จำนวนการรับเข้าเรียนในท้ายที่สุด ก็ยังค่อนข้างมาก มีทั้งหมด 1,080 คน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนประมาณในสามคนจะรับหนึ่งคน . แน่นอนว่ามีนักศึกษากว่าสามพันคนที่เข้าร่วมการประเมิน พวกเขาทั้งหมดล้วนมีความโดดเด่นจากการประเมินในรอบคัดกรอง มีจำนวนนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนเชร็คในแต่ละปีสูงถึงสิบล้านคนในแต่ละปี แต่มีเพียงหนึ่งในหมื่นเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้มาสอบจริงที่โรงเรียน . แต่ละคนล้วนเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ แต่ละคนก็ล้วนมาจากพื้นหลังตระกูลที่ดี ทุกคนจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจ ด้วยอัตราส่วนสามต่อหนึ่ง ไม่มีใครคิดว่าเขา จะไม่สามารถผ่านไปได้ . แต่พ่อแม่ค่อนข้างกังวลใจมากกว่าลูก เพราะพวกเขารู้ดีว่าการได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเชร็คนั้น ก็เปรียบเสมือนกำลังเดินขึ้นสวรรค์ไปทีละขั้น . “ผู้ปกครองทุกท่าน โปรดตรงไปยังบริเวณที่โรงเรียนกำหนดไว้เพื่อพักผ่อน นักเรียนทั้งหมดยืนเข้าแถว” เสียงผู้หญิงที่ไพเราะดังขึ้น ทำให้ผู้คนทั้งหมดรู้สึกถึงสายลมสดชื่นในฤดูใบไม้ผลิ . นี่คือครูผู้หญิงที่อายุราวๆสามสิบปี ผมเธอยาวสลวยสีขาวดูสะดุดตามาก ถึงแม้จะไม่ได้ดูสวยงามเป็นพิเศษ แต่ดูแล้วให้ความรู้สึกถึงความเท่ห์และมีเอกลักษณ์ . นอกจากเธอแล้ว ยังมีครูอีกหลายคนจากโรงเรียนเชร็ค ก็ยังช่วยกันรักษาระเบียบ ผู้ปกครองเริ่มถอยออกไป ส่วนนักเรียนก็เริ่มเข้าแถว ใช้เวลาเพียงไม่นาน นักเรียนกว่าสามพันคนก็เข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและยืนรอกันอย่างเงียบๆ . อายุการเข้าเรียนที่เชร็คไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดหลายหมื่นปี เกณฑ์คืออายุไม่เกินสิบสองปี นี่คือเกณฑ์เข้าเรียนของโรงเรียนเชร็ค . และสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่าสิบสองปีแต่มีความสามารถพิเศษ ตามคติพจน์ของโรงเรียน คือรับแต่สัตว์ประหลาดเท่านั้น ไม่รับคนธรรมดา นี่เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของโรงเรียนเชร็ค . "สวัสดีนักเรียน ฉันชื่อ หลันเมิ่งฉิน เป็นคณบดีของโรงเรียนเชร็คส่วนนอก" . วันนี้เราจะมีการประเมินกันหลายรอบสำหรับพวกคุณ และการประเมินแต่ละรอบก็จะมีคะแนนแยกกัน ในการประเมินแต่ละรอบก็จะมีความหมายของมันเองเช่นกัน ผลของการประเมินจะใช้ตัดสินความอยู่รอดของพวกคุณ และความแข็งแกร่งจะเป็นพื้นฐานในการพิจารณา ในการประเมินครั้งต่อไป ขอให้พวกคุณแสดงความสามารถของคุณให้มากที่สุด เพื่อให้ถึงตามเกณฑ์ของการประเมิน และเพื่อแสดงถึงความสามารถของพวกคุณเอง . “ต่อไปเราจะทำการประเมินครั้งแรก ในการประเมินครั้งแรกเราจะทดสอบความแข็งแกร่งโดยรวมและต้องการให้ทุกคนยืนนิ่งๆ และฟังเพลง หลังจากฟังเพลงจบแล้ว ถ้าคุณยังสามารถรักษาสติไว้ได้ ผู้ที่ยืนอยู่ก็ถือว่าผ่าน ผู้ที่มีการเคลื่อนไหวใดๆก่อนเพลงจะจบ จะถูกคัดออก " . การประเมินของโรงเรียนเชร็คนั้นเรียบง่าย มีผู้คนสามพันหกร้อยคนร่วมทำการทดสอบพร้อมกัน วิธีนี้ช่วยให้ประหยัดเวลาไปได้มาก . ที่ไกลออกไป ผู้ปกครองแต่ละคนก็เฝ้ามองอย่างประหม่า มีนักเรียนเยอะมากมาย มันยากนักที่พวกเขาจะมองเห็นลูกหลานของตนเอง . “ฟังเพลง! นี่เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจใช่หรือไม่ มันไม่ควรจะส่งผลกระทบโดยตรง” ไต้อิ๋งพูดและหันศีรษะมองไปยังอีเฉินที่อยู่ข้างๆ เธอ . “ห้ามขยับ หากเคลื่อนไหวจะถูกคัดออก” อีเฉินพูดเตือนเธอ . “กรี๊ด!” ไต้อิ๋งเบ้ริมฝีปาก . ในขณะนี้ แสงสีฟ้ากำลังส่องประกายต่อหน้าคณบดีลานด้านนอก หลันเมิ่งฉินที่ยืนอยู่ต่อหน้านักเรียน กู่ฉินที่สวยงามปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ . เธอยกมือขึ้น วางลงบนสายพิณเบาๆ "บทเพลง.. เขาสูงน้ำไหล" . กู่ฉินสีฟ้าอมเขียวเหมือนหยก สลักด้วยลวดลายนกฟีนิกซ์จางๆ นี่คือจิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอ ฟีนิกซ์มรกต . นิ้วของหลันเมิ่งฉินค่อยๆดึงสาย และเสียงเพลงที่ไพเราะและเรียบง่ายก็ดังขึ้นช้าๆ ราวกับกระแสน้ำได้ไหลเข้ามาสู่หัวใจของนักเรียนทุกคน . หลันเมิ่งฉินเป็นหนึ่งในกลุ่มของเทพมังกรถังเซวียนอวี่ในเวลานั้น และทั้งสองก็ยังเป็นเจ็ดสัตว์ประหลาดเชร็คในยุคนั้น . เธอสามารถเลือกที่จะเข้าอาณาจักรเทพมังกรได้ แต่เธอยังคงชอบโรงเรียนเชร็คและดาวโต้วหลัว ดังนั้นเธอจึงอยู่สอนที่โรงเรียนเชร็ค และกลับอาณาจักรเทพมังกรเพื่อฝึกฝนเป็นครั้งคราว ชาวเชร็คทุกคนจะมีความรู้สึกที่พิเศษต่อโรงเรียนเชร็ค ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือแม้แต่สาวกคนอื่นๆ . เสียงกู่ฉินดังขึ้นในจัตุรัส เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงกู่ฉินแผ่วเบาและเย็นยะเยือก ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว แต่เนื่องจากเป็นการประเมิน ทุกคนจึงได้ตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่ โดยไม่กล้าที่จะวอกแวก เพราะถ้าล้มเหลวก็ต้องถูกคัดออก และจะไม่สามารถเข้าทดสอบในขั้นต่อไปได้ . ในเวลานี้นักเรียนแต่ละคนก็ได้แสดงความสามารถของพวกเขาออกมา ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ โดยปกติแล้วการทดสอบแบบนี้มักไม่มีปัญหาในการรับมือ . ข้อกำหนดที่หลันเมิงฉินบอกไว้คือ ตราบใดก็ตามที่ยืนนิ่งและฟังเพลงจนจบก็จะผ่านการประเมิน แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามใช้ความสามารถพิเศษ . ดังนั้น นักเรียนเหล่านี้จึงแสดงความสามารถของพวกเขา บางคนปิดหู บางคนตัดเสียงออก และบางคนกระตุ้นพลังวิญญาณของตนเองเพื่อต่อสู้กับเสียง . อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่ตัดเสียงออกนั้น พวกเขาก็พบว่าเสียงเพลงยังดังก้องอยู่ในใจเขา โดยที่ไม่สามารถตัดมันทิ้งไปได้ ส่วนคนที่สู้ทางจิตใจก็รับรู้ว่าเสียงเพลงนี้เหมือนคมดาบ และมันส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตวิญญาณของพวกเขา . มีเสียงอู้อี้เป็นบางครั้ง แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังอดกลั้นเอาไว้ได้ . ไต้อิ๋งและอีเฉินยังคงกำลังฟังเสียงกู่ฉิน และในขณะที่เสียงยังคงดังอยู่ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนจิตสำนึกของพวกเขาเริ่มสับสนเล็กน้อย แต่ในความสับสนก็ยังมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างราวกับว่าการรับรู้ของพวกเขาชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม ระหว่างที่กำลังฟังนี้ พวกเขามีความรู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง . มีแสงสีฟ้าอมชมพูจางๆปรากฏขึ้นที่ไต้อิง แสงสีฟ้าอมชมพูนั้นให้ความรู้สึกสดใสเป็นประกาย มันทำให้เธอดูสดใส สวยงามและมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ . ดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงบางอย่าง ใบหน้าของเธอก็ดูสับสนเล็กน้อย ในขณะเดียวกันแสงสีฟ้าอมชมพูบนร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ . เธอรับรู้ และเธอสามารถสัมผัสได้ว่าเสียงกู่ฉินนั้นเต็มไปด้วยลมหายใจแห่งชีวิตที่สมบูรณ์ และลมหายใจแห่งชีวิตนี้ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นอีกแบบหนึ่ง ----------------------------------------------------------------------------------------- |
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น