ตอนที่7 พลังแห่งการทำลายล้าง |
เป็นไปได้อย่างไร? นักเรียนหลายคนที่ยังไม่ได้เริ่มการประเมิน ต่างก็มีความคิดแบบเดียวกันอยู่ในใจ . นี่เป็นกลยุทธ์! ทางอ้อมไม่ได้แปลว่าจะช้า . การแข่งขันในกลุ่มนี้ค่อนข้างที่จะดุเดือด โดยเฉพาะเมื่อใกล้จะถึงต้นไม้เทพเจ้า เหนือผิวน้ำกลางทะเลสาบ เต็มไปด้วยฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจ . บางคนที่โดดเด่นก็สามารถผ่านไปได้ไวหน่อย แต่หลายคนยังพัวพันกันอยู่กลางทะเลสาบ . เมื่อพวกเขารั้งท้าย พวกเขาจะต้องถูกคัดออก ! พวกเขาทำได้เพียงแต่ใช้พละกำลังของตัวเองทั้งหมดเพื่อที่จะได้ก้าวต่อไป . ส่วนนักเรียนที่มาทางอ้อม ในเวลานี้เขาได้ข้ามต้นไม้เทพเจ้าไปแล้ว และกำลังวนกลับเพื่อเข้าฝั่ง เนื่องจากไม่มีใครหยุดเขา ความเร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขากำลังกลับเขาก็ยังดูดซับพลังชีวิตไปด้วย . เขาไม่ได้รีบร้อน แต่เขาเห็นผู้แข็งแกร่งสองสามคนที่กลับมาถึงฝั่งก่อนแล้ว เขาไม่ได้รีบที่จะเข้าฝั่ง และยังกระตุ้นจิตวิญญาณของเขาให้เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ . “ว้าว!” ร่างแรกที่รีบวิ่งไปที่ชายฝั่ง มีอาการหอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น . เขาหันหลังกลับไปมองที่ทะเลสาบโดยไม่รู้ตัว เพียงเพื่อที่จะแสดงความพึงพอใจของเขา แต่เขาได้เห็นนักเรียนคนหนึ่ง ยืนเหยียบงูยักษ์อยู่ห่างจากชายฝั่งเพียงสองร้อยเมตร . เมื่อเขามองเห็นหมอกสีเขียวรอบๆตัวเด็กนักเรียนคนนั้น เขาก็เข้าใจบางอย่างได้ในทันที เขาคิดที่จะลงไปในทะเลสาบเทพสมุทรอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว . "พวกที่ขึ้นฝั่งมาแล้ว จะลงน้ำอีกไม่ได้ มิฉะนั้นจะถูกคัดออกทันที" อาจารย์คนหนึ่งหยุดเขาไว้ทันที . ทีแรกก็แสดงความไม่พอใจเล็กน้อย ตอนนี้เจ้างูน้ำใกล้ถึงฝั่งแล้วและบนฝั่งมีเพียงสี่คนเท่านั้นที่มาถึง ด้วยความเร็วขนาดนี้ เขาควรจะเป็นคนที่ห้า . อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่รีบ เขาหยุดห่างจากฝั่งสิบเมตร ก่อนจะหันกลับไปมองนักเรียนคนอื่นๆที่กำลังรีบกลับมาที่ฝั่ง เขายังคงดูดซับพลังชีวิตจากน้ำทะเลสาบอย่างเงียบๆ . เพื่อประโยชน์สูงสุด! ดูดซับพลังชีวิตจากทะเลสาบเทพสมุทรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาไม่เพียงแต่ฉลาดแต่ยังสงบ . นักเรียนที่ขึ้นฝั่งแล้วเข้าใจเหตุผลนี้ ก็นึกเสียใจกับมัน ส่วนเด็กที่กำลังจะเข้าฝั่งได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็ชะลอความเร็วลงและเรียนรู้บางอย่างจากเด็กคนนี้ได้ทันที . เมื่อทุกคนจะมาเรียนที่โรงเรียนเชร็ค พวกเขาย่อมรู้บางอย่างเกี่ยวกับโรงเรียนเชร็คอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องรู้ ว่าทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของโรงเรียนเชร็คคืออะไร . ดาวโต้วหลัวเป็นดาวเคราะห์ที่วิเศษมาก ระดับพลังชีวิตของมันพัฒนาขึ้นอยู่ตลอด แม้จะยังไม่ถึงระดับอาณาจักรเทพก็ตาม แต่หลังจากการวิวัฒนาการหลายครั้ง พลังงานชีวิตของดาวโต้วหลัวก็แข็งแกร่งขึ้นมาก อีกทั้งยังมีต้นไม้เทพเจ้าซึ่งเป็นแกนชีวิตของดาวเคราะห์ พลังชีวิตในทะเลสาบเทพสมุทรนั้นไม่สามารถจินตนาการได้เลย ถึงแม้ว่ามันจะยังเทียบไม่ได้กับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเทพ แต่มันก็จัดว่าเป็นสมบัติชั้นยอดอย่างแน่นอน . มีโอกาสที่ดีเช่นนี้ที่จะได้ดูดซับมัน บรรดาเหล่านักเรียนที่มาถึงใกล้ชายฝั่งนับสิบคน รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาดูดซับพลังชีวิตทั้งบนผิวน้ำ และใต้น้ำ . แต่ใช้เวลาไม่นานนัก เมื่อนักเรียนกลุ่มหลังเริ่มมา กลุ่มแรกก็ต้องขึ้นฝั่ง เพราะคนเข้ารอบต่อไป มีเพียงแค่ห้าสิบคนเท่านั้น คนที่เหยียบงูใหญ่ขึ้นฝั่งมาเป็นคนที่สามสิบ ในหมู่นักเรียนมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตุเห็นเขา แต่บรรดาอาจารย์แทบทุกคนได้เห็นเขาอย่างชัดเจน ต่างก็พยักหน้าและจดจำสิ่งที่เขาแสดงออกทั้งหมดเอาไว้ . การประเมินกลุ่มแรกจบลงแล้ว นักเรียนห้าสิบคนสุดท้ายที่มาถึง มีอาการซึมเศร้าโดยธรรมชาติ พวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ แต่พวกเขาก็จงใจอยู่ต่ออีกพัก เพื่อดูดซับพลังชีวิตจากทะเลสาบเทพสมุทร อย่างน้อยการมาครั้งนี้ก็ไม่เปล่าประโยชน์ . ภายใต้พลังชีวิตที่มหาศาลของน้ำจากทะเลสาบเทพสมุทร ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ในระดับที่แตกต่างกันไป ดังนั้นถึงแม้นักเรียนหลายคนจะถูกคัดออก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะการจะใช้น้ำจากทะเลสาบเทพสมุทรเพื่อช่วยในการฝึกฝน ต่อให้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเชร็ค ก็ต้องใช้เงินมากมาย . จากประสบการณ์ของกลุ่มแรก สิ่งที่พวกเขาได้เห็นด้วยตาของตัวเองนั้น ทำให้การกระทำของพวกเขาในรอบนี้แตกต่างออกไป พวกเขาไม่ได้รวมกันไปในทิศทางเดียวกัน แต่ละคนต่างก็กระจายกันออกไป ในทิศทางที่ต่างกัน และรีบเพิ่มความเร็วออกไปให้มากจากตำแหน่งที่แตกต่างกัน . สิ่งที่ฝังลึกในใจพวกเขาจากประสบการณ์กลุ่มที่แล้วคือ ผู้ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดจะล้าหลัง ยิ่งใช้พลังวิญญาณมากก็ทำให้ล่าช้าไปด้วย . ดังนั้นในรอบนี้การต่อสู้จึงน้อยลง แต่เป็นการกระตุ้นความเร็วเพื่อเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งต่างๆแทน . ในคราวนี้พวกที่ใช้ทางอ้อมต่างต้องช้ำใจ เพราะทางตรงผู้คนต่างก็ต่อสู้กันน้อยลง ทำให้พวกเขากลับมาได้ไวขึ้น มีสองสามคนที่ใช้ทางอ้อม และเขาก็ตกไปอยู่ในอันดับรั้งท้าย ทำให้เขาทำได้เพียง ดูดซับพลังชีวิตให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเท่านั้น . การประเมินค่อยๆผ่านไปทีละรอบ ยิ่งรอบหลังๆนักเรียนต่างก็แสดงถึงสติปัญญาที่มากขึ้น มีวิธีแปลกๆสารพัดถูกแสดงออกมาในทุกรอบ . ต่อมานักเรียนที่เหลือ ที่ยังไม่ได้เข้ารับการประเมิน ต่างก็เข้าใจแล้วว่า วิธีที่ดีที่สุดในการประเมินครั้งนี้ คือการใช้ข้อดีของตนเอง เพื่อหาความเป็นไปได้ให้ดีที่สุด ไม่ใช่การเรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นแล้วทำตาม . ทั้งอีเฉินและไต้อิ๋ง ได้เฝ้าดูนักเรียนที่ประเมินก่อนหน้าพวกเขาอย่างเงียบๆ และในที่สุดก็ถึงคิวของพวกเขา . ทั้งสองคนนี้อยู่กลุ่มเดียวกัน และตอนนี้พวกเขาก็รออยู่ที่ชายฝั่งแล้ว เมื่อการประเมินของรอบที่แล้วจบลง พวกเขาจะเริ่มทันที . ไต้อิ๋งมองอีเฉินด้วยท่าทางยั่วยุและกล่าวว่า "ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะยกโทษให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้" . อีเฉินยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า "ฉันชนะไม่ได้หรอก คุณแข็งแกร่งมาก" . ไต้อิ๋งมองมาที่เขาและพูดว่า "เด็กผู้ชายจะไม่มีความทะเยอทะยานในการแข่งขันเลยหรอ คุณนี่อ่อนแอเกินไปจริงๆ" . เหล่านักเรียนชายรอบๆข้างได้ยินบทสนทนาของไต้อิ๋งและอีเฉินโดยบังเอิญ หลังจากได้ยินพวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทันที . ในที่สุดนักเรียนคนสุดท้ายก็กลับมา ในแต่ละรอบก็จะมีเช่นนี้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะผลัดวันประกันพรุ่ง เพียงเพื่อจะได้ดูดซับพลังงานจากทะเลสาบเทพสมุทร . "เตรียมตัว!" ครูผู้คุมการประเมินยกมือขึ้น หนึ่งร้อยคนรวมทั้งอีเฉินและไต้อิ๋ง พร้อมแล้วที่จะออกตัว . "ไป!" สิ้นเสียงของอาจารย์ผู้คุม นักเรียนเกือบทั้งหมดออกตัวไปทันที แต่มีหนึ่งคนที่ยังไม่ขยับ . ไต้อิ๋งออกตัวไปแทบจะทันทีที่ผู้คุมการประเมินพูดว่า"ไป" ปลายเท้าของเธอแตะลงที่ผิวน้ำ แสงสีฟ้าอมชมพูจางๆบนตัวก็สว่างขึ้นทันที และกลายเป็นแสงด้านหลังเธอ ผลักดันร่างของเธอขึ้นไปเป็นผู้นำ ด้านหลังเธอมีประกายแสงริบหรี่และวงแหวนก็ค่อยๆเผยออกมาบนร่าง สีม่วง สีม่วง สีดำ ความเร็วของเธอนั้นเร็วมาก . ในทันทีที่เธอบินออกไป มีพลังชีวิตที่เบาบางตามธรรมชาติ ถูกเธอดึงดูดและหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเธอ ทำให้ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเธอก็พุ่งตรงไปยังต้นไม้เทพเจ้าทันที . นักเรียนคนอื่นๆไล่ตามไป แต่ละคนต่างก็แสดงความสามารถของตนเอง . ทุกคนรู้ดีถึงประโยชน์ของการแย่งชิงตำแหน่งที่ 1 ยิ่งคุณเร่งไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ คุณก็จะเจอการแข่งขันน้อยลงเท่านั้น . ในทางตรงกันข้าม เมื่อคุณติดอยู่ท่ามกลางฝูงชนและต้องการออกจากฝูงชน มันจะยิ่งยากขึ้นไปอีก . ไต้อิ๋งเป็นคนแรกที่ออกตัว และคนเดียวที่ยังไม่ขยับก็คือ อีเฉิน . นักเรียนทั้งเก้าสิบเก้าคนออกตัวไปทั้งหมดแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ยังยืนอยู่บนฝั่ง สิ่งนี้ทำให้เขาดูเด่นขึ้นมาทันที แม้แต่ผู้คุมการประเมิน ก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความประหลาดใจ ----------------------------------------------------------------------------------------- |
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น