ตอนที่17 ความขี้เกียจ ห้าระดับขั้น |
. คณะกรรมการอาณาจักรเทพ . ฮั่วอวี่เฮ่ายืนอยู่ด้านหน้าของศูนย์กลางหลัก ของอาณาจักรเทพ เบื้องหน้าเขามีการฉายภาพของดาวเคราะห์ ที่อาณาจักรเทพควบคุมอยู่ทั้งหมด . มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย เพราะภาพใหญ่ที่สุด ที่ฉายอยู่เบื้องหน้าเขา มันส่งมาจากทวีปโต้วหลัว ณ โรงเรียนเชร็ค . เขารู้สึกเสมอว่าการฝึกฝนจนถึงระดับราชันเทพได้นั้น นอกจากความโชคดีแล้ว ต้องมีรากฐานที่ดี และจิตใจที่มั่นคง . อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เห็นแนวทางของอาจารย์ทั้งสี่กลุ่มใหม่ ที่โรงเรียนเชร็ค เขารู้สึกโชคดี ที่ลูกสาวของเขาได้กลุ่มที่ดูปกติที่สุด ส่วนกลุ่มอื่นๆ พวกเขากำลังทำอะไรกัน? . เขาจะให้อีจื่นเฉินและหลิงจื่อเฉินเห็นว่าลูกชายเขาได้รับการฝึกสอนอย่างไรไม่ได้ มิฉะนั้นพวกเขาคงเร่งรีบไปที่ทวีปโต้วหลัวทันทีเพื่อหยุดยั้ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสู้เหล่าราชันเทพไม่ได้ แต่เขาก็คงจะสู้ตายอย่างแน่นอน . เห็นทีว่าต้องเปลี่ยนชื่อจาก ภารกิจเชร็คสวรรค์ เป็นชื่อ ภารกิจเชร็คสวรรค์ที่ไว้ใจไม่ได้ ดีหรือไม่? หากผลงานครั้งนี้ ไม่เป็นที่น่าพอใจ คราวหน้าจะให้ราชันเทพคนอื่นลงมาดีไหม? . แต่ราชันเทพคนอื่นๆก็กำลังเตรียมความพร้อม ถ้าไม่ให้ลงมาก็คงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ . เด็กๆ คุณต้องอดทนต่อความยากลำบากเท่านั้น ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเหลือคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง . ....... . ทวีปโต้วหลัง . ตื่นแล้ว.. . หลิงอวี่โม่เหยียดร่างของเขา เขารู้สึกสบายตัวอย่างสุดจะบรรยาย แสงแดดอ่อนๆที่ส่องจากหน้าต่างเข้ามาถึงเตียง มันทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและสดชื่นเป็นอย่างมาก . "สบายมาก! นี่มันเวลาใดแล้ว" หลิงอวี่โม่กำลังจะลุกจากเตียง ทันใดนั้นจางกงเว่ยก็ถือถาดเดินเข้ามา ในถาดมีเมล่อนและผลไม้หลากหลายชนิด มีกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว ทำให้นิ้วของหลิงอวี่โม่ขยับทันที . "ครู" หลิงอวี่โม่ยิ้มทักทาย และเขาเกือบจะลุกขึ้น แต่จางกงเว่ยก็ยกมือหยุดเขาเอาไว้ . "คนขี้เกียจก็ต้องทำเหมือนคนขี้เกียจ เพราะฉะนั้นเรามานั่งกินบนเตียงกันเถอะ ตอนที่ฉันยังเด็ก สิ่งที่มีความสุขที่สุดก็คือการกินบนเตียงนี่แหละ และฉันก็ถูกดุอยู่เสมอ" เอาล่ะไม่พูดอะไรแล้ว คุณคงอยากจะกินแล้วใช่ไหมล่ะ? . แผนกแสงศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่มีอะไรจะให้คุณ นอกจากการสนองความปรารถนาของคุณ . ดวงตาของหลิงอวี่โม่เป็นประกาย เขาหยิบผลไม้ในถาดขึ้นมากิน โดยไม่พูดอะไร มันอร่อยมาก เมื่อผลไม้หวานๆลงท้องเขาเข้าไป ความหิวโหยก็หายไปทันที . ไม่นานผลไม้ในถาดก็หมดลง หลิงอวี่โม่ก็อิ่มแล้วเช่นกัน . จางกงเว่ยรับถาดเปล่าที่หลิงอวี่โม่และลุกขึ้นเดินจากไป หลิงอวี่โม่รีบถาม : "ครู แล้วฉันต้องทำอะไรต่อ?" . จางกงเว่ยยิ้มและพูดว่า "ไปนอนเถอะ พักผ่อนให้มาก" พูดจบเขาก็เดินออกไป . หลิงอวี่โม่กระพริบตา ตอนแรกเขาคิดว่าที่อาจารย์บอกว่าขี้เกียจไม่ใช่ปัญหา เขาคิดว่าอาจารย์พูดหลอกๆ เพื่อให้เขาเข้าร่วมแผนก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริง? . นอนบนเตียงนี่มันสบายจริงๆ ความรู้สึกแบบนี้มันดีจริงๆ แล้วเขาก็เริ่มง่วง ไม่นานก็เผลอหลับไปอีกครั้ง จางกงเว่ยมองเขาอยู่อีกด้าน ก็อดยิ้มไม่ได้ เจ้าเด็กนี่หลับได้หลับดีจริงๆ . ไม่ผิดอย่างที่เขาพูดจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร . เมื่อหลิงอวี่โม่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จางกงเว่ยก็นำอาหารมาให้เขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หลิงอวี่โม่ไม่ได้นอนอีก หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นออกจากเตียง . อาจารย์ครับ ผมขอออกไปข้างนอกได้มั้ย? เขาถามด้วยความไม่แน่ใจ . ออกไปทำอะไร? คุณไม่ขี้เกียจที่จะออกไปหรือ? จางกงเว่ยถามด้วยรอยยิ้ม . ถ้านอนตลอดมันก็น่าเบื่อเกินไป หรือครูมีอะไรจะสอนฉันหรือไม่? หรือมีอะไรจะทดสอบฉัน? " หลิงอวี่โม่ถามด้วยความไม่มั่นใจ . จางกงเว่ยพูด :"แล้วคุณอยากเรียนอะไรล่ะ" . หลิงอวี่โม่ไม่ลังเลที่จะบอกตามตรง : "ถ้ามันไม่เหนื่อย อะไรฉันก็ทำได้ แต่ฉันค่อนข้างโง่ และก็เรียนรู้ได้ช้า" . ครู ฉันไม่ได้มีความสามารถ แล้วเมื่อไรฉันจะได้กลับบ้าน? ฉันไม่อยากทำให้คุณเสียเวลา คุณไล่ฉันออกเมื่อไรก็ได้ . จางกงเว่ยยิ้มและพูดว่า :"คุณอยู่นี่ในฐานะนักเรียน และฉันเองก็เป็นครู แต่เราอยู่กันเหมือนเพื่อน แบบนี้มันก็ไม่ได้แย่เลย แล้วทำไมฉันต้องไล่คุณออกล่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก มาเถอะ นั่งลง" จางกงเว่ยพูด พลางชีไปที่เก้าอี้ข้างๆเขา . หลังจากหลิงอวี่โม่ได้ฟังคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีกับครูของเขา แล้วหลิงอวี่โม่ก็เดินไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ . จางกงเว่ยยิ้มและพูดว่า "อวี่โม่ เจ้ารู้ไหม ในโลกนี้ ความขี้เกียจมันยังแบ่งเป็นระดับขั้นได้อีกด้วย" . เมื่อได้ยินดังนี้ ดวงตาของหลิงอวี่โม่ก็ส่องประกายขึ้นมาทันที : "ระดับขั้นของความขี้เกียจ?" . จางกงเว่ยกล่าวว่า "ความขี้เกียจแบ่งออกเป็นห้าระดับ ต่ำไปสูง คือ หนอนขี้เกียจ ผีขี้เกียจ คนขี้เกียจ ราชาขี้เกียจ พระเจ้าขี้เกียจ " . หลิงอวี่โม่ถามกลับ : "แล้วข้าถือว่าอยู่ในระดับใด?" . จางกงเว่ยเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า : "หนอน" . "คุณยังไม่ถึงขอบเขตของคนขี้เกียจ เพราะคุณขี้เกียจแค่นิดหน่อยเอง" . "ครู ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฉันว่าฉันค่อนข้างขี้เกียจนะ" หลิงอวี่โม่กล่าว . จางกงเว่ยยิ้มและพูดว่า :"ขี้เกียจแต่ขี้เกียจไม่เหมือนกัน หากคุณต้องการเข้าถึงสภาวะคนขี้เกียจ อย่างน้อยคุณต้องชินกับมัน คุณอยู่กับหัวใจของคุณเอง คุณขี้เกียจเกินไปแต่มันมีเสถียรภาพหรือไม่?" . หลิงอวี่โม่ตะลึง : "อืมใช่ มันค่อนข้างมีเสถียรภาพ ครอบครัวของฉันค่อนข้างรวย อย่างไรก็ตามฉันสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคงได้ แม้ว่าฉันจะอยู่เฉยๆก็ตาม" . จางกงเว่ยเอามือจับหัวของเขาและพูดว่า : "ไม่ คุณยังไม่มีเสถียรภาพ" หาคุณมีเสถียรภาพจริงๆ คุณจะไม่ถูกส่งมาเรียนที่โรงเรียนเชร็ค ยังมีคนที่สามารถบังคับให้คุณทำ ในสิ่งที่คุณไม่ต้องการทำ . ดังนั้นคุณไม่ใช่คนขี้เกียจ เพราะคนขี้เกียจที่แท้จริงคือความเป็นอิสระปราศจากความกังวล ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เฒ่าในตระกูลของคุณจะเกษียณ เขาก็อาจจะกลายเป็นคนขี้เกียจได้ . หลิงอวี่โม่เกาหัวและพูดว่า :"ครู ดูเหมือนว่าฉันจะเริ่มเข้าใจนิดหน่อยแล้วละ แล้วผีขี้เกียจล่ะ" . จางกงเว่ยกล่าว :“คนขี้เกียจนั้นมีระดับสูงกว่าผีขี้เกียจหนึ่งระดับ พวกเขาอยู่อย่างมนุษย์และตายเป็นผี ถ้าคุณขี้เกียจพอที่จะกลัวความตาย แสดงว่าคุณเป็นคนขี้เกียจ . และความขี้เกียจที่สิ้นหวัง ไม่มีความปรารถนาใดๆ ไม่มีความสนใจในทุกสิ่ง อยู่ไปเรื่อยๆและในที่สุดก็ตาย โดยไม่กระทบต่อผู้อื่น นี่คือผีขี้เกียจ . กล่าวโดยนัยแล้ว คนขี้เกียจยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะก้าวต่อไปและเลื่อนระดับความขี้เกียจระดับต่อไป ในขณะที่ผีขี้เกียจ คือทางตัน พัฒนาต่อไปไม่ได้ แล้วคุณกลัวความตายไหม” . ทั้งสามระดับนั้นเข้าถึงได้ยากจริงๆ แต่ถ้าทำได้จนไปถึงระดับที่สาม " ถึงจะสามารถเข้าถึงระดับความขี้เกียจที่แท้จริงได้" . หลิงอวี่โม่พูดด้วยความตื่นเต้น : "ครู ฉันจะเป็นคนขี้เกียจได้อย่างไร?" ----------------------------------------------------------------------------------------- |
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น