#ตัวละครผนึกเทพ
เซิ่งไฉ่เอ๋อร์ 圣采儿 Shèng cǎi er |
"เซิ่งไฉ่เอ๋อร์" เมื่ออายุสามขวบ พลังวิญญาณภายในโดยกำเนิดถูกปลุกขึ้นสูงถึง93แต้ม ระดับนี้ในวิหารนักฆ่าเรียกว่า "ร่างธิดาศักดิ์สิทธิ์"(ระดับเดียวกับร่างผู้บริสุทธิ์เรืองรองของหลงเฮ่าเฉิน) นับจากบุตรศักดิ์สิทธิ์คนแรกก็ยาวนานกว่าสามพันปีที่ไม่เคยปรากฏ . ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเธอก็ตกอยู่ในฝันร้ายมาตลอด เด็กผู้หญิงที่อายุเพียงสามขวบ ที่จริงแล้วควรอยู่ในการดูแลของพ่อแม่และใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล แต่ชีวิตเธอกลับไม่เป็นเช่นนั้น ปู่ทวดของเธอ ได้ส่งเธอเข้าไปในถ้ำที่หนาวเหน็บและมืดมิด ไม่มีผู้คน ไม่มีแม้แต่อาหาร เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน มีเพียงดาบสีดำเล่มหนึ่งที่ลอยอยู่ในอากาศเท่านั้น เธอร้องไห้ คร่ำครวญเรียกหาพ่อแม่ของเธอจนเสียงแหบ ร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง แต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับใดๆ ถึงตอนนั้นเธอจะอายุเพียงสามขวบ แต่เธอก็จำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ ไม่มีวันลืม เธอหนาวและกล้วมาก ไม่มีใครมาช่วยเธอ นอกจากตัวเธอเองที่ต้องแบกรับความหนาวและความกลัวเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวตามลำพัง.. . สติของเธอค่อยๆเบลอ เธอสับสนกับทุกสิ่งทุกอย่าง เธออายุแค่สามขวบ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสิ้นหวังคืออะไร แต่เวลานั้นภายในใจของเธอเหน็บหนาวเหมือนอากาศภายนอกไปเสียแล้ว เธอเกลียดพ่อ เกลียดแม่ เกลียดปู่ทวดของเธอ เกลียดทุกคน ที่พาเธอมาทิ้งเอาไว้ . ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอคิดในใจว่า พ่อ แม่ ปู่ทวดของเธอ ก็เป็นแค่ชื่อๆหนึ่งเท่านั้น เธอเกลียดจนไม่เห็นพวกเขาเป็นครอบครัวอีกแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม เพื่อมนุษย์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยถามความคิดเห็นและไม่สนใจความรู้สึกของเธอ . เจ็ดวันผ่านไป ในขณะที่เธอกำลังจะหมดสติ เธอเห็นร่างเงาควันสีดำได้เข้าสู่ร่างกายของเธอ หลังจากนั้นเธอก็หมดสติไป เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นครอบครัวของเธอมาล้อมมุงดูเธอ เธอได้ยินที่พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเตาหลอมวิญญาณแห่งสังสารวัฏและดาบแห่งสังสารวัฏ และเธอก็รับรู้ว่าภายในร่างกายของเธอมีก้อนดำๆและดาบดำๆเล่มหนึ่งอยู่ นับจากวันที่เธอหมดสติ ก็ผ่านไปแล้วสองปีเต็ม ในวันที่เธอตื่นขึ้นมาก็อายุห้าขวบแล้ว และนับจากที่เธอตื่น เธอก็ได้สูญเสียสัมผัสการรับรู้กลิ่น . เธอถูกฝึกให้เป็นดั่งอาวุธที่แหลมคม เพื่อให้ใช้พลังของเตาหลอมวิญญาณสังสารวัฏได้ เธอจึงถูกฝึกอย่างหนัก ทั้งทรมานและโหดร้ายที่สุด จนต้องสูญเสียสัมผัสทั้งหก สัมผัสแรกที่เธอเสียไปคือการรับรู้กลิ่น จากนั้นก็สูญเสียสัมผัสการได้ยิน จากนั้นก็สัมผัสการรับรู้รสชาติและการพูด และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการสูญเสียการสัมผัสการรับรู้และสัมผัสการทรงตัว จนเธอไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งใดๆ ควบคุมร่างกายไม่ได้ ต้องนอนอยู่กับที่เป็นเวลาสองปีครึ่งก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัว และสุดท้ายเธอก็สูญเสียสัมผัสการมองเห็น . หลายครั้งที่ความทรมานจากการฝึกฝน ทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ทุกครั้งที่คิดแบบนี้ เธอจะเห็นภาพคนโง่คนหนึ่งที่เธอเคยเจอเมื่อครั้งออกไปหาประสบการณ์ภายนอกเธอถูกมารตามล่าและได้รับบาดเจ็บ เขาเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเธอจากมารร้ายที่ทรงพลังกว่าเขา เขายืนหยัดปกป้องเธอโดยไม่ห่วงแม้แต่ชีวิตตัวเอง ทั้งๆที่เป็นคนแปลกหน้าและพึ่งพบเจอกันครั้งแรก คนโง่คนนั้นได้ปลูกเมล็๋ดพันธุ์ที่อบอุ่นไว้ในหัวใจของเธอ ด้วยความอบอุ่นนี้ทำให้เธอยืนหยัดที่จะมีชีวิตต่อ เพื่อเฝ้ารอว่าสักวันจะได้พบเจอเขาอีกครั้ง และตอบแทนเขาให้ได้ ทุกครั้งที่เธอได้รับความทุกข์ทนมานจากการฝึกฝนจากเตาหลอมวิญญาณสังสารวัฏ เธอก็จะคิดถึงคนโง่คนนี้ คนที่เธอได้เจอในตอนที่เธอสูญเสียสัมผัสการรับรสและการพูด คนที่เธอไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขา เธอตั้งใจว่าเมื่อฝึกสำเร็จจะต้องออกไปตามหาเขาให้พบ . แต่โชคชะตาก็ไม่ปล่อยให้เธอรอนานเกินไป เธอได้เจอคนโง่คนนั้นอีกครั้งในช่วงการเข้าแข่งขันคัดเลือกหน่วยล่าอสูรของพันธมิตรวิหาร ในตอนนั้นเขาจำเธอไม่ได้ แต่เห็นเธอที่ตาบอด จึงต้องการจะไปส่งเธอกลับบ้าน แต่ความผันผวนของแหวน"อย่าลืมฉัน"ที่นิ้วของเขา แหวนที่เธอเคยมอบให้เขาตั้งแต่วันที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอจากมาร ทำให้เธอสัมผัสได้และมั่นใจว่าคนๆนี้เป็นคนโง่คนนั้นของเธอ ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิต จึงยอมให้เขาไปส่งเธอ . หลังจากนั้นในทุกวัน เธอจะเฝ้ารอให้เขามาหา เมล็ดพันธุ์ที่อบอุ่น มันปลูกฝังอยู่ในใจของเธอมาตลอด ดูเหมือนมันกำลังหยั่งรากลึกลงไป จนวันที่คนโง่คนนั้นบอกเธอว่าเขาจะปกป้องเธอไปทั้งชีวิต ทำให้เธอรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวอีกครั้ง มันทำให้เธอไม่ต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป และทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่แค่อาวุธสังหาร . ...คนโง่คนนี้คือหลงเฮ่าเฉิน คนที่เป็นดั่งแสงสว่างในความมืดมิดของเธอ ฟื้นชีพหลงเฮ่าเฉิน.. เพื่อที่จะฟื้นชีพให้หลงเฮ่าเฉิน เธอได้รับคำแนะนำจากเยี่ยเสี่ยวเหล่ยให้นำเขาเข้ามายังหอคอยนิรันดร์เพื่อรับมรดกของอีไหลเค่อซือ มีเวลาเพียงเจ็ดวันเท่านั้น เธอนำหน่วยล่าอสูรรุ่งอรุณแห่งแสง บุกฝ่าหอคอยไปจนถึงชั้นเจ็ดด้วยความยากลำบาก การต่อสู้ในชั้นที่หกของเธอ เธอใช้พลังของเตาวิญญาณสังสารวัฏโดยไม่สนใจผลสะท้อนของมัน ทำให้เธอสูญเสียสัมผัสทั้งหก แต่เมื่อผ่านการทดสอบที่หก แสงแห่งการชำระ ซึ่งเป็นความสามารถของหอคอยนิรันดร์ ได้เยียวยาอาการบาดเจ็บของเธอและสหายจนกลับเป็นปกติ เธอใช้เวลาอาบแสงแห่งการชำระเป็นเวลา 12ชม. ... แต่ในเส้นทางสู่ชั้นที่เจ็ดมีเพียงเธอเท่านั้นที่ต้องฝ่าฟันขึ้นไป เส้นทางที่เธอต้องไปคือบรรไดสูงชันที่มองไม่เห็นปลายทาง เส้นทางที่พลังวิญญาณของเธอถูกผนึกเอาไว้ เด็กผู้หญิงที่บอบบางคนหนึ่งต้องแบกร่างชายหนุ่มที่หนักกว่า80กก.ไว้บนหลัง ในสภาพที่พลังวิญญาณถูกผนึกและมีแรงกดดันที่รุนแรงกดทับอยู่ ตลอดของเส้นทางสู่สวรรค์นี้ เธอหมดสติไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เมื่อได้สติเธอก็มุ่งมั่นไปต่อ แต่ละก้าวของเธอเต็มไปด้วยเลือดของเธอเอง ทุกย่างก้าวของเธอมีแต่ความศรัทธา ความเพียร ในใจของเธอมีเพียงข้างหน้าเท่านั้น เธอไม่แม้แต่จะมองกลับหลัง มีแค่ความตายเท่านั้นที่จะหยุดเธอ 📋ข้อมูลพื้นฐาน📛ชื่อ : เซิ่งไฉ่เอ๋อร์ 圣采儿 Shèng cǎi er📛เพศ : หญิง 📛วันเกิด : 8 พฤศจิกายน 6173 (ปฏิทินทวีปอสูรศักดิ์สิทธิ์ ยุคทมิฬ) 💨อายุ : 25~📛สังกัด : วิหารนักฆ่า , หน่วยล่าอสูรระดับสมญา "รุ่งอรุณแห่งแสง" , สหพันธ์วิหาร 🔰ตำแหน่ง : เจ้าวิหารนักฆ่า , รองหัวหน้าหน่วยล่าอสูร 'รุ่งอรุณแห่งแสง' , รองประธานสหพันธ์วิหาร.. 💥อาชีพ: นักฆ่า 💥พลังวิญญาณภายในโดยกำเนิด : 100 (ร่างธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสังสารวัฏ) (พลังวิญญาณตื่นรู้ระดับ93 เมื่อได้รับสืบทอดเตาหลอมวิญญาณสังสารวัฏ ระดับพลังวิญญาณโดยกำเนิดเพิ่มเป็น100) 💥ระดับขั้น : จอมยุทธ์ ระดับ9 ขั้น5 🔋พลังวิญญาณ : 500,000+
💥ร่างโคลนเงา 影分身 (ทักษะลับระดับ5) 💥เคลื่อนย้ายวิญญาณภูต 幽灵闪 (ทักษะระดับ5) 📕ทักษะยมทูตเจ็ดสัมบูรณ์ 💥สัมบูรณ์ที่หนึ่ง - อาลัยแห่งความตาย 💬แสงสีเทาสว่างวาบในพริบตา ร่างของเซิ่งไฉ่เอ๋อร์หายวับไป ปรากฏเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มที่แปลกประหลาด เปลวเพลิงกลายเป็นเส้นตรงและแทงเข้าไปในร่างเป้าหมายทันที 💥สัมบูรณ์ที่สอง - ชำระแห่งความตาย 💬ด้ายแสงสีขาวที่แผ่ออกมาจากเคียวมรณะ จู่โจมเข้าสู่เป้าหมาย เพื่อชำระให้บริสุทธิ์ รอบตัวเธอกลายเป็นสีขาว รวมทั้งนัยน์ตาของเธอก็เป็นสีขาว อันเนื่องมาจากเธอชำระล้างพลังแห่งความตายให้บริสุทธิ์เพื่อนำพลังนั้นมาใช้ พลังชำระล้างเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ไม่มีคุณลักษณะใดต้านทานได้ 💥สัมบูรณ์ที่สาม - เสียงหวีดร้องแห่งความตาย 💬เสียงกรีดร้องดังออกมา ! พลังชำระล้างสีขาวก็แพร่กระจายไปทั่ว มุ่งเป้าไปที่ผลกระทบต่อวิญญาณอย่างสมบูรณ์ และเป็นวิธีการโจมตีที่พิเศษอย่างยิ่ง พลังทางจิตวิญญาณ ทักษะและอุปกรณ์ป้องกันใดๆ นั้นใช้ไม่ได้ผลกับมันโดยสิ้นเชิง เพราะมันไม่ใช่ทักษะทางจิตวิญญาณ แต่เป็นเทคนิคพิเศษของยมทูตเท่านั้น ในการชำระล้างให้บริสุทธิ์ หากเป้าหมายมีใจที่บริสุทธิ์ไม่ฟุ้งซ่าน ทักษะนี้จะไร้ผล แต่หากเป้าหมายมีจิตใจไม่บริสุทธิ์ทักษะนี้คือหายนะที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิต 💥สัมบูรณ์ที่สองสี่ - จุมพิตมัจจุราช 💬คริสตัลสีเทารูปเพชรสว่างจ้าบนหน้าผากของเซิ่งไฉ่เอ๋อร์ แสงสีเทาจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมา ไปรวมตัวกันอยู่ที่ปลายเคียวยมทูต เมื่อเคียวฟาดฟันสิ่งใด ก็เหมือนกับมีดร้อนๆที่เฉือนลงบนก้อนเนย ถ่านร้อนๆที่ตกลงบนหิมะ ล้วนมลายสิ้น 💥สัมบูรณ์ที่ห้า - ความตายสลายสูญ 💬คริสตัลสีเทารูปเพชรบนหน้าผากของเธอหายไป แต่แสงสีเทาที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ก็ปะทุออกมาจากหน้าอกของเธอ ทุกสิ่งรอบตัวเริ่มช้าลงอย่างกระทันหัน แม้กระทั่งตัวเธอเองและศัตรู การเคลื่อนไหวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทักษะนี้เป็นการสร้างการโจมตีที่สามารถชำระพลังแห่งธาตุทั้งหมดให้บริสุทธิ์ได้ แม้ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยธาตุที่ทรงพลังกว่า มันก็จะถูกเผาผลาญและทำให้บริสุทธิ์ 💥สัมบูรณ์ที่หก - เส้นทางมรณะ 💬ห้าสัมบูรณ์รวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นพลังของสัมบูรณ์ที่หก 💥สัมบูรณ์ที่เจ็ด - ยมทูต 💬ลมหายใจของยมทูตถูกเรียกออกมาจากระนาบทั้งหมดในทันที ควบแน่นเป็นรูปร่างยมทูตและปล่อยพลังที่ทำลายล้างออกมา 🌍เขตแดน 🌑เขตแดนบงกชเรืองรอง 盛世莲花 💬ดอกบัวสีขาวปรากฏในมือของไฉ่เอ๋อร์ เมื่อมันถูกโยนขึ้นไป หลังจากเบ่งบานจะปล่อยพลังการชำระล้างกระจายออกไปเป็นวงกลม ค่อยๆขยายขอบเขตออกไปเหนือหัวของไฉ่เอ๋อร์ พลังชำระล้างคือการทำให้บริสุทธิ์ เมื่อสัมผัสเป้าหมายวิญญาณเป้าหมายก็จะถูกชำระล้าง ไม่ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน หากวิญญาณเสียหายก็อาจถึงแก่ชีวิต
🔮เตาหลอมวิญญาณสังสารวัฏ 轮回灵炉 💬ประเภทโจมตี หากใช้ร่วมกับมีดสังสารวัฏ จะปล่อยการโจมตียากจะจินตนาการ เจ้าของในอดีต เคยใช้ทำร้ายจักรพรรดิเทพมารรุ่นก่อน จนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ปัจจุบันผู้เป็นเจ้าของมีเพียงคนเดียว การจะได้รับการยอมรับจากเตาวิญญาณสังสารวัฏ ข้อกำหนดแรกคือต้องมีร่างสังสารวัฏ หรือพลังวิญญาณโดยกำเนิด90+ และภายในผลกระทบของเตาวิญญาณจะทำให้ผู้ครอบครองยกระดับพลังวิญญาณโดยกำเนิดเป็น100 หลังจากปลุกร่างที่โปรดปรานของพระเจ้า รับมรดกยมทูต มีดสังสารวัฏก็กลายเป็นเคียวยมทูต ใช้คู่กับเตาสังสารวัฏเพื่อเปิดใช้ทักษะ 'ยมทูตเจ็ดสัมบูรณ์' 💬หลังผ่านการสังเคราะห์ร่วมกับเตาหลอมวิญญาณพันนัดและเตาหลอมวิญญาณเงาแห่งความจริง เตาสังสารวัฏก็ได้พัฒนาจนสมบูรณ์ ลดผลข้างเคียงลง และด้วยทักษะเงาแห่งความจริงที่สร้างร่างเงาที่เสมือนร่างจริง ทำให้มันแบกรับการสูญเสียสัมผัสแทนร่างจริงได้หนึ่งครั้ง *ผลข้างเคียง : สูญเสียหนึ่งสัมผัสเมื่อใช้พลังของเตาหลอมวิญญาณหนึ่งครั้ง 🔮เตาหลอมวิญญาณพันนัด 千击灵炉💬เตาวิญญาณที่มุ่งเน้นในด้านโจมตี ทักษะหนามโจมตีพันนัด , พันนัดรวมเป็นหนึ่ง🔮เตาหลอมวิญญาณเงาแห่งความจริง 真垩实之影灵炉💬เมื่อใช้งานจะสร้างร่างเงา เป็นเวลา3วินาที ร่างเงานี้จะมีพลังต่อสู้เช่นเดียวกับร่างหลัก การวิวัฒนาการเตาวิญญาณจะขยายเวลาที่ร่างเงาจะคงอยู่ (ใช้ได้เพียง3ครั้งต่อวัน)(เตาวิญญาณสำหรับนักฆ่า) 🔪อาวุธ / ชุดเกราะ 💥เคียวยมทูต 死神镰刀 (ระดับสิ่งประดิษฐ์เทพ) 💬พัฒนามาจากดาบสังสารวัฏ [ในช่วงที่ร่างธิดาศักดิ์สิทธิ์สังสารวัฏถูกปลุกให้ตื่นกลายเป็นร่างกายที่ได้รับการโปรดปรานจากยมทูตอย่างสมบูรณ์] ความสามารถ1 : ใช้ทักษะยมทูตเจ็ดสัมบูรณ์ได้ ความสามารถ2 : มีมิติเล็กๆภายในเคียวมรณะ ยามคับขันเธอสามารถหลบเข้าไปอยู่ในนั้นได้ชั่วคราว
💥สิบสองผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ 💬เดิมคือผู้พิทักษ์ทั้งสิบสองคนของอีไหลเค่อซือ เนื่องจากชีวิตมนุษย์มีจำกัด จึงถูกอีไหลเค่อซือทำให้มีชีวิตต่อไปในรูปแบบของอันเดด เขาคือผู้ควบคุมบททดสอบของหอคอยนิรันดร์หกชั้นแรก ผู้รับสืบทอดมรดกหากเอาชนะพวกเขาได้ ก็จะได้พวกเขาเป็นผู้ติดตาม ในปัจจุบันองครักษ์ทั้งหมด อยู่ในระดับ9 ขั้น1- นักเวท6คน ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มืด แสง- อัศวิน6คน ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มือ แสง
👶อายุ 3 ปี- พลังวิญญาณโดยกำเนิดตื่นขึ้นที่ระดับ 93แต้ม และได้สืบทอดมรดกเตาวิญญาณสังสารวัฏและดาบสังสารวัฏ👶อายุ 5 ปี- ตื่นจากการหลับลึก หลังจากสืบทอดมรดกแห่งการกลับชาติมาเกิดใหม่ เป็นเวลากว่า2ปี👶ยุคมืด ปีที่6182 อายุ 9 ปี (เปืดตัวครั้งแรก อนิเมชั่น)- ช่วงสูญเสียสัมผัสการรับรสและการพูด- พบเจอหลงเฮ่าเฉินครั้งแรก👧ยุคมืด ปีที่6187 อายุ 14 ปี- ช่วงสูญเสียสัมผัสการมองเห็น- พลังวิญญาณ : ระดับ5- เข้าร่วมการแข่งประคัดเลือกหน่วยล่าอสูร- หลังจากที่มาฝึกทดสอบการล่าอสูรครั้งแรก ที่ด่านขับไล่อสูร ฐานที่มั่นของวิหารนักฆ่า เธอและครอบครัวได้ปรับความเข้าใจกันโดยได้รับความช่วยเหลือของหลงเฮ่าเฉิน และด้วยเหตุนี้ทำให้ผนึกสุดท้ายของเตาวิญญาณสังสารวัฎคลายออก ทำให้เธอควบคุมเตาวิญญาณสังสารวัฏได้อย่างสมบูรณ์ สัมผัสทั้งหกของเธอ ถูกควบคุมได้โดยตัวเธอเอง เธอสามารถเลือกสัมผัสที่จะสูญเสียได้เอง เมื่อใช้พลังของเตาวิญญาณ- หกเดือนหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแรกที่ถ้ำเสียงโหวยหวนหกเดือน พลังวิญญาณ : ระดับ6 (พลังวิญญาณ4001+)👧ยุคมืด ปีที่6188 อายุ 15 ปี- เข้าร่วมสงครามที่ด่านเจิ้นหนาน- เข้าวิหารลวงตา ได้รับเตาหลอมวิญญาณที่สาม เตาหลอมเงาแห่งความจริง- สองเดือนหลังจากกลับจากด่านเจิ้นหนาน พลังวิญญาณ : ระดับ6 ขั้น2 (พลังวิญญาณ5000)- เก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลาหนึ่งปี
💑คู่รัก : หลงเฮ่าเฉิน 👨👨👧👧เพื่อนสนิท/ทีม : ซือหม่าเซียน , หวังหยวนหยวน , เฉินอิงเอ๋อร์ , หลินซิน , หานอวี่ , ต้วนอี้ , หยางเหวินจาว , จางฟ่างฟ่าง 🤵อาจารย์ : อีไหลเค่อซือ
💥อายุ13 การแข่งขันคัดเลือกหน่วยล่าอสูร (อันดับสี่) ผลงาน รอบคัดเลือก,รอบน๊อกเอาต์ 💥ในนามของหน่วยล่าอสูรระดับทหารทีมหนึ่ง ได้คะแนนเกียรติยศเป็นอันดับ1 ในการทดสอบต่อสู้จริง ที่ด่านขับไล่อสูร 💥อายุ14 ชนะการคัดเลือก เป็นตัวแทนสิบคนสุดท้ายเข้าสู่วิหารลวงตา 💥อายุ24 การแข่งขันประลองหกวิหาร ชนะเลิศอันดับหนึ่ง 💀การสังหารมาร ☠ เทพมารแห่งความตาย ซามิกินา เสา4 ⚔️การประลองทั่วไป 👤เซิ่งไฉ่เอ๋อร์(นักฆ่า ระดับ5ขั้น3) ชนะ (อัศวิน ระดับ5ขั้น3)💂หยางเหวินจาว 👤เซิ่งไฉ่เอ๋อร์(นักฆ่า ระดับ9ขั้น1) ชนะ (นักฆ่า ระดับ9ขั้น2)👤เสวียจื่อเซิ่ง |
____________________________
💭ตัวละครจากนิยายเรื่องผนึกเทพบัลลังก์ราชันย์(神印王座) ของผู้แต่ง ถังเจียซานเส่า (唐家三少)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น