📃นิยาย ผนึกเทพบัลลังก์ราชัน1.5(Side Story) ตอนที่13 : เข้าร่วมพิธี

#นิยายผนึกเทพ1.5

ผนึกเทพบัลลังก์ราชันย์ ภาค1.5 : ตำนานเทพผู้พิทักษ์สวรรค์ (Side Story)


ตอนที่ 13 เข้าร่วมพิธี
__________________________________

ช่วงเวลาในหอคอยมนตราไม่ได้เงียบเหงานัก สุดท้ายแล้วมันจะนับเป็นอะไรได้ เมื่อเทียบกับการที่ข้าล่องลอยอยู่ในจักรวาลมายาวนาน

ข้าถามเฮปเบิร์นว่าเธอเหงาไหม เธอตอบว่าเธอเหงามาก เศร้ามาก โดดเดี่ยว ทำอะไรไม่ถูกและต้องการการปลอบโยน

ต้องการการปลอบโยน แต่ทำไมการปลอบโยนถึงเป็นการหยิกแก้มของข้าไปได้ล่ะ? ยัยผู้หญิงขี้โกหก! แต่เธอก็บอกว่า ทุกครั้งที่หยิกแก้มของข้า เธอจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษและมีแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม

สี่ปีผ่านไปแล้ว ตอนนี้ข้าอายุสิบขวบ ส่วนเธออายุยี่สิบสองแล้ว

เมื่อมองดูหมูตุ๋นที่หลุดออกจากปากของข้า เธอก็หัวเราะอย่างหนักจนข้าต้องรีบเบือนหน้าหนีจากเธอ เมื่อใดก็ตามที่ข้าเห็นเธอยิ้ม ข้ามักจะตกอยู่ในภวังค์ และเมื่อข้าตกอยู่ในภวังค์ เธอก็จะหยิกหน้าของข้าอีก

“ทะลวงหรือยัง” ข้าหยิบ เนื้อตุ๋นอีกชิ้นเข้าปาก เนื้อตุ๋นแต่ละชิ้นที่เธอทำมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป มันอร่อยมาก มันแต่ไม่เลี่ยน บางแต่ไม่เหนียว

“ยังเลย” เฮปเบิร์นมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย

ผ่านมาสี่ปี ด้วยพรสวรรค์ที่ออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่แบ่งปันกับเธอ ตอนนี้เธอมีพลังจิตวิญญาณภายในสี่พัน ใช่ ตอนนี้เธอมาถึงจุดสูงสุดของระดับที่ห้าแล้วนักเวทย์ขั้นสูงระดับห้าอายุยี่สิบสองปี ไม่ใช่เรื่องแปลกในโลกของเวทมนตร์ และอัจฉริยะหลายคนก็สามารถบรรลุมันได้ แต่เธอสามารถฝึกฝนได้ค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่เธออายุ 18ปี ภายในเวลาสี่ปี เธอได้ก้าวจากระดับสอง ไปสู่จุดสูงสุดระดับที่ห้าอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่านักเวทย์ระดับที่หกนั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากในหมู่มนุษย์โลก อย่างไรก็ตามจู้หรง พอใจกับความก้าวหน้าของเธอมาก

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆ หน่อย ท้ายที่สุดแล้ว สัญญานักเวทรับใช้ของคุณ จะหมดสัญญาภายในเวลาหนึ่งปี” ฮ่าฮ่าฮ่า

เฮปเบิร์นกระพริบตา แล้วหูของข้าก็เริ่มเจ็บ ผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนี้ กำลังดึงหูของข้า เพื่อให้หันมามองเธอ

“เมื่อหมดสัญญาแล้วจะไม่ต่อเหรอ?” เธอมองข้าอย่างจริงจัง จริงจังมาก ดวงตาของเธอโตมาก จ้องเขม็งมาที่ข้าอย่างใกล้ชิด จนข้าเกือบลืมความเจ็บปวดที่หู และรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

“คุณรังแกฉันตลอด คุณเคยเห็นผู้รับใช้เวทมนตร์คนไหน รังแกเจ้านายแบบนี้บ้าง?” ข้าพูดท้วงออกไป

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่รังแกเธออีกต่อไปแล้ว โอเคไหม อย่างน้อยก่อนจะถึงวันที่ต่ออายุฉันจะไม่รังแกเธอ” เธอพูดกับข้าอย่างอ่อนโยน ขนตายาวของเธอที่หงายขึ้นสั่นเล็กน้อย และดวงตากลมโตของเธอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยหมอก

“จะไม่รังแกฉันแล้วใช่ไหม? คุณหมายถึงอย่างที่พูดหรือเปล่า?” ข้าถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“เอาล่ะ สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปก็ตกลงตามนั้น” เธอพูดกับข้าอย่างจริงจัง

“เอาล่ะ ฉันจะทำมันด้วยความจนใจ” ข้าก้มหัวลง ดวงตาของเธอนั้นต้องมีพลังเวทย์มนตร์พิเศษ ห้ามมองมากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจจะเสียเปรียบเธอได้อีก

“แล้วเราก็ได้ทำข้อตกลงกันเรียบร้อย”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น: “ออสติน เฮปเบิร์น เข้ามาหาข้าหน่อยสิ” เป็นเสียงของ จู้หรง ใช่แล้วในช่วงเวลานี้ พวกเราฝึกซ้อมกันอยู่ที่นี่

“ไปกันเถอะ อาจารย์เรียกแล้ว” เฮปเบิร์นลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วข้าเองก็ต้องลุกขึ้นทันทีและตามเธอไปอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอยังคงจับหูข้าไว้ นี่เหรอคือจิตสำนึกของผู้รับใช้?

“เอ่อ ขอโทษที ฉันลืมไป” เธอปล่อยมือออกแล้ว แต่ตอนนี้ข้ากำลังโกรธ

แม้ว่าข้าจะมีอายุเพียงสิบปี แต่ออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะสูงเท่ากับเธอแล้ว

แต่มีปัญหาคือเธอหยิกหน้าของข้าได้ง่ายกว่า โดยที่ไม่ต้องก้มตัวเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าอยากจะสูงขึ้นเร็วๆ เพื่อที่เธอจะได้เอื้อมไม่ถึง กลับไปแล้วต้องกินข้าวอีก! เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และไม่ใช่เพราะอาหารที่เธอปรุงอร่อยมาก

พระราชวังเวทมนตร์ของจู้หรง ที่นี่จะค่อนข้างร้อน

จู้หรงยิ้มเมื่อมองมาที่เฮปเบิร์นกับข้าที่เดินเข้าไปด้วยกัน

“ออสติน เจ้าอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกไหม?” จู้หรงมีรอยยิ้มเสมอเมื่อมองมาที่ข้า เขาเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เขาค้นพบว่าพลังจิตวิญญาณภายในของข้าทะลุผ่านระดับที่สี่และไปถึงแปดร้อยโดยตรง

“ฉันไม่อยาก” ข้าปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ออกไปข้างนอกมีอะไรดี? ความเร็วในการวิวัฒนาการของข้าที่นี่ยังเป็นที่น่าพอใจ และเฮปเบิร์นยังสามารถปรุงอาหารให้กินได้ เสียอย่างเดียว ผู้หญิงคนนี้ชอบโกหกและรังแกข้าอยู่ตลอดเวลา ในเรื่องอื่นๆ ก็ค่อนข้างน่าพอใจ เมื่ออยู่ที่นี่ ข้าค่อยๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป รอจนกว่าจะปลดล็อคผนึกได้หมด มันจะไม่ดีกว่าเหรอ?

“การอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ จะส่งผลต่อการพัฒนาของเจ้าในอนาคต ข้าได้ปรึกษาเรื่องนี้กับซีตี๋แล้ว จึงตัดสินใจให้เจ้าเข้าร่วมในพิธีเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง และในขณะเดียวกันก็ค้นหาตัวตนของนักเวทในวิหารให้กับเจ้าด้วย สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับเจ้ามาก ทำให้มีคุณสมบัติที่จะได้รับอุปกรณ์เวทมนตร์ของวิหารในอนาคต”

“ฉันไม่สนใจ ฉันไม่ไป” อุปกรณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะมีหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน

จู้หรงถอนหายใจ: “เฮปเบิร์นเดิมทีอาจารย์ต้องการให้เธอไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิกับเขาเพื่อคลายเบื่อ ที่นั่นมีชีวิตชีวามาก น่าเสียดายที่เจ้านายของเธอไม่เข้าใจความหวังดีของอาจารย์ได้ อา! แล้วก็นั่นแหละ พวกเราก็ไปบังคับเขาไม่ได้”

มันเจ็บ มันเจ็บ มันเจ็บ! ข้าหันหน้าจ้องเขม็งไปที่เฮปเบิร์นที่กำลังบีบเนื้อนุ่มๆ รอบเอวของข้าอยู่

การแสดงออกของเฮปเบิร์น ตรงกับสำนวนอะไรนะ? ประพฤติตัวดี น่าสงสาร ทำอะไรไม่ถูก?

“อาจารย์ ฉันเป็นเพียงคนรับใช้ ทุกอย่างอยู่ที่เขาตัดสินใจ” เฮปเบิร์นยิ้มน้อยๆ ให้จู้หรง

มันเจ็บ มันเจ็บยิ่งกว่านั้นอีก ข้าแทบจะโพล่งออกมาทันที!

“ไป ไป ฉันจะไป!” ข้าพูดพร้อมกับกัดฟัน

วิธีการบิดเป็นวงกลมทางซ้ายสาม และทางขวาสามของเฮปเบิร์น บอกเป็นนัยน์ว่าถ้าข้าไม่ตกลง กลับไปก็จะไม่มีอะไรกิน และคงไม่มีชีวิตที่ดี

ข้าอายุแค่สิบปี แน่นอนว่าข้าต้องอดทน อดกลั้นทั้งหมดนี้ ในขณะนี้ออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีทางเลือกอื่น

จักรวรรดิสมันตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ ทวีปปฐมกาล และมีเมืองหลวงคือ มหานครเจียหม่าน ค่อนข้างใกล้กับแผ่นดินใหญ่เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในจักรวรรดิสมัน

จักรวรรดิสมันมีชื่อเสียงในด้านของนักเวทที่ทรงพลัง ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าดินแดนแห่งเวทมนตร์ หอคอยมนตราที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในมหานครเจียหม่าน และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจักรวรรดิสมัน จึงกล้าวางเมืองหลวงของตนเองไว้ในบริเวณที่มีพรมแดนติดกับจักรวรรดิสำคัญอื่นๆ อีกหลายแห่ง

มีเทพมนตราทั้งหมดเก้าคนในจักรวรรดิสมัน โดยหกคนอยู่ในหอคอยมนตราภายในมหานครเจียหม่าน นั่นเป็นพลังป้องปรามที่ทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอน ว่ากันว่าเทพมนตราทุกคนมีพลังทำลายฟ้าดินได้

เมื่อนั่งอยู่บนรถม้า เข้าอดสูดหายใจเข้าลึกด้วยความเบื่อหน่าย และจมูกของข้าก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของหญิงสาว

ช่วยไม่ได้ มีผู้รับใช้เวทมนตร์ที่นอนหลับหมดสติอยู่ข้างๆ ข้า เธอบอกว่ารู้สึกอยากนอนหลับทันทีที่ขึ้นรถ เมื่อรถแกว่งไกวไปมา ตกหลุมตกบ่อเธอบอกว่ามันเหมือนเปล

นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเดินทางไกล และเป็นครั้งแรกที่ได้ก้าวออกไปเห็นโลกภายนอก ระหว่างทางมีต้นไม้มากมาย ขบวนรถของเรามีทหารคอยเคลียร์ทางอยู่ข้างหน้า และมีทหารเฝ้าคุ้มกันอยู่ด้านหลัง มีรถม้ารวมทั้งสิ้น 12คัน ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถม้าล้วนเป็นนักเวทจากหอคอยมนตราในเขตพื้นที่ของเรา รถม้าที่ข้านั่งอยู่นั้น อยู่บริเวณกลางขบวนรถ และบนรถม้ามีเพียงเฮปเบิร์นกับข้าเท่านั้น

มีเสียงดังจากข้างนอก เมื่อเปิดม่านแล้วมองออกไป จะเห็นกำแพงเมืองสูงตระหง่าน ตระการตาจริงๆ ดูเหมือนจะสูงกว่าร้อยเมตร ใต้ร่มเงาของกำแพงทำให้บริเวณหน้าประตูอากาศไม่ร้อนมากนัก

ผู้คนแต่งกายเรียบง่าย ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของถนนชี้ไม้ชี้มือไปที่ขบวนรถของเรา เห็นได้ชัดว่ากำลังให้ความสนใจรถม้าสีดำของเรา ที่มีลวดลายหกเหลี่ยมสีทองเป็นอย่างมาก

ขบวนรถไม่ได้ถูกปิดกั้น จึงแล่นผ่านประตูเมืองเข้าเมืองมาอย่างรวดเร็ว และที่นี่คือมหานครเจียหม่าน - เมืองหลวงของจักรวรรดิสมัน

ข้างนอกดูมีชีวิตชีวามาก ไม่ว่าขบวนรถของเราผ่านไปที่ไหน ผู้คนก็เต็มใจจะหลีกทางให้ริมถนน และมองมาที่เราด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

สายตาของข้ามองไปในระยะไกล ในความมืดที่ไหนสักแห่ง ดูเหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างดึงดูดข้า มันเป็นหอคอยสูง สูงอย่างน้อยสองเท่าของหอคอยเวทมนตร์เมืองดิฌง มีความสูงอย่างน้อยสามร้อยเมตร และให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะทะลวงสู่ท้องฟ้า ตัวหอคอยเปล่งประกายแวววาวทุกรูปแบบ สีสันหลากหลายมากมายหลากสี ดูแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง

ข้ารู้ว่านี่คือหอคอยมนตราแห่ง มหานครเจียหม่าน ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่ว ทวีปปฐมกาล หรือที่รู้จักกันในชื่อหอคอยแห่งเทพเจ้า เพราะที่นี่มีเทพมนตราอยู่ถึงหกคน

ข้าได้ยินจู้หรงกับซีตี๋พูดว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยมนตราเมืองดีฌง คือชายชราชุดขาว ซึ่งเขาเป็นเทพมนตราเพียงคนเดียว ในหอคอยมนตราของเมืองดีฌง แต่เขาก็เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตของระดับเทพมนตรา ยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเทพมนตรา ของหอคอยแห่งเทพเจ้าในมหานครเจียหม่าน

ในฐานะครู ความหวังสูงสุดของพวกเขาคือสักวันหนึ่งข้าจะได้เข้าไปในหอคอยแห่งเทพเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือเป้าหมายของข้าในอนาคตเหรอ? การจะได้เข้าไปเมื่อไหร่มันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น สำหรับออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่แค่นี้มันจะเป็นปัญหาอีกหรือ?


Share:

👨‍🏫นักแต่งนิยายจีน

A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U V W X Y Z

บทความล่าสุด

Heavenly Jewel Change : โจวเหว่ยชิง