📃นิยาย ผนึกเทพบัลลังก์ราชัน1.5(Side Story) ตอนที่14 : เมืองหลวงเจียหม่าน

#นิยายผนึกเทพ1.5

ผนึกเทพบัลลังก์ราชันย์ ภาค1.5 : ตำนานเทพผู้พิทักษ์สวรรค์ (Side Story)


ตอนที่14 เมืองหลวงเจียหม่าน
__________________________________

หอคอยแห่งเทพเจ้าก็คือเป้าหมายของเราในการเดินทางครั้งนี้ เมืองหลวงเจียหม่านมีขนาดใหญ่มาก รถม้าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ กว่าจะมาถึงจุดหมายปลายทาง

มีทหารมากมายทั้งสองฟากฝั่งของถนน และในที่สุดรถม้าของพวกเราก็มาถึงหน้าหอคอยสูงตระหง่าน บริเวณรอบๆ หอคอยในระยะรัศมีห้าร้อยเมตรไม่ปรากฏสิ่งปลูกสร้างใดๆ เลย เป็นที่โล่งว่างเปล่า แต่มีทหารคุ้มกันจำนวนมาก ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้สถานที่แห่งนี้

เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้น ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกประหลาดบนหอคอยสูงแห่งนี้

ความแวววาวนั้นเป็นองค์ประกอบธาตุที่ควบแน่นจำนวนมาก จนกลายมาเป็นองค์ประกอบทางกายภาพจริงๆ หอคอยนี้ถูกสร้างขึ้นให้มีความสูงมาก จนสามารถดูดซับพลังงานธาตุต่างๆ ของสวรรค์และโลกได้ดียิ่งขึ้น

“ลงจากรถ” เสียงของจู้หรงดังขึ้น

ใช่แล้ว เราอยู่ที่นี่ และแน่นอนว่าตาเฒ่าอ้วนผอมก็อยู่ที่นี่ด้วย

มีนักเวท มากกว่าสามสิบคน บนรถม้าที่เดินทางมามากกว่าสิบคัน นำโดยซีตี๋ และจู้หรง ชายชราร่างสูงชุดคลุมสีขาว เขาน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบเมืองดีฌง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มา

ที่ด้านหน้าของหอคอยแห่งเทพเจ้า มีนักเวทย์หลายคนมาทักทายพวกเรา ซีตี๋และจู้หรงกำลังคุยกับพวกเขา ส่วนข้าและเฮปเบิร์นก็ปะปนอยู่ในกลุ่มของพวกเรา

จู่ๆ มือของข้าก็ถูกจับไว้ “อย่ากังวล ไม่เป็นไร” เสียงของเฮปเบิร์นดังอยู่ในหูของข้า

ข้าจ้องมองเธอพลางกล่าวไปว่า “ใครกันแน่ที่กังวล เห็นไหม มือของคุณเย็นเยียบ อีกทั้งฝ่ามือก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ”

“ไม่ต้องตื่นตระหนก” ข้ากระซิบบอกเธอ

ข้อดีของนักเวทก็คือเสื้อคลุมเวทมนตร์ทั้งหมดจะเป็นเสื้อฮู้ด หากก้มศีรษะลงเล็กน้อยก็แทบจะมองไม่เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ และที่ข้าสวมอยู่ก็เป็นเสื้อคลุมสีดำ ส่วนเฮปเบิร์นสวมชุดคลุมสีแดง นี่เป็นข้อสรุปจากการที่ซีตี๋กับจู้หรงทะเลาะกันเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม มีนักเวทมากมาย พวกเราจึงไม่เป็นที่สังเกตมากนัก

ขั้นตอนต่อไปเป็นกระบวนการที่น่าเบื่อ เพื่อเป็นการต้อนรับพวกเราเข้าสู่หอคอยเวทมนตร์ มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ และรับประทานอาหารเย็น ซึ่งอาหารรสชาติแย่กว่าที่เฮปเบิร์นทำเสียอีก

ซีตี๋และจู้หรงกำลังนั่งอยู่ด้านบน พูดคุยเสียงดังกับนักเวทหลายคนจากหอคอยเวทมนตร์ในเมืองหลวงเจียหม่าน

ข้าชำเรืองมองรอบๆ ด้วยความสงสัย เป็นที่แน่นอนว่าไม่มีเทพมนตราเข้าร่วมในงานเลี้ยงแม้แต่คนเดียว และเห็นได้ชัดว่าผู้คนในหอคอยมนตรา ของเมืองหลวงแค่ปฏิบัติต่อพวกเราเหมือนปกติ ไม่สนใจเรามากนัก

หลังมื้ออาหารพวกเราก็กลับที่พัก ในฐานะคนรับใช้เวทมนตร์ แน่นอนว่าเฮปเบิร์นก็พักที่เดียวกับข้า ภายนอกห้องด้านใน

ในเวลานี้เป็นช่วงเย็นแล้ว ท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มมืดลง

“ออกไปเดินเล่นกันไหม อาจารย์บอกว่าช่วงเย็นเราสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เพราะพิธีจะเริ่มในวันมะรืน” ดวงตาของเฮปเบิร์นเป็นประกายเมื่อเธอพูดถึงการออกไปเดินเล่นข้างนอก

พิธีใหญ่นี้เรียกว่าพิธีขอพร เป็นพิธีที่เทพมนตราจะเป็นประธาน และทำการอธิษฐานขอให้จักรวรรดิสมัน มีความรุ่งโรจน์คงอยู่ชั่วนิรันดร์อะไรทำนองนั้น หลังจากนั้นก็จะมีการประลองแลกเปลี่ยนระหว่างนักเวทรุ่นเยาว์ ซึ่งรู้มาว่า จู้หรงและซีตี๋ได้ลงทะเบียนให้ข้าแล้ว เฮปเบิร์นเองก็ลงทะเบียนด้วยเช่นกัน แต่เธอริเริ่มจะลงแข่งด้วยตัวเอง เพราะเธอต้องการหาโอกาสที่จะทะลวงผ่านไปสู่ระดับที่หก

แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แค่อยากให้มันจบโดยเร็วที่สุด จะได้กลับเมืองดีฌงเพื่อที่ข้าจะได้ไปทำสมาธิต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากมาถึงหอคอยมนตราของเมืองหลวงเจียหม่านแล้ว นอกเหนือจากสิ่งอื่นใด ความเข้มข้นขององค์ประกอบที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก มันสูงกว่า ที่หอคอยมนตราของเมืองดีฌงเล็กน้อย และนี่ยังไม่ได้เข้าไปภายในวิหารเวทมนตร์เสียด้วยซ้ำ ความเข้มข้นขององค์ประกอบธาตุในนั้นจะต้องสูงกว่าในวิหารเวทมนตร์ของเมืองดีฌง อย่างแน่นอน

โครงสร้างของหอคอยเวทมนตร์นั้นค่อนข้างพิเศษ ในแต่ละองค์ประกอบธาตุ จะมีวิหารเวทมนตร์อยู่ภายในหอคอยเวทมนตร์ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่รับผิดชอบในแต่ละวิหารเวทมนตร์ เช่น บุคคลที่รับผิดชอบวิหารเวทมนตร์ธาตุมืด ของหอคอยเวทมนตร์เมืองดีฌง คือซีตี๋ บุคคลที่รับผิดชอบวิหารเวทมนตร์ธาตุไฟคือจู้หรง

และที่นี่มันก็ควรจะคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม ผู้นำของวิหารเวทมนตร์ของที่นี่ ก็น่าจะเป็นเทพมนตรา

เทพมนตรางั้นเหรอ? สำหรับข้ามันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

“ไม่ไป” ข้าโบกมือให้เฮปเบิร์นแล้วนอนลงบนเตียง ออกไปข้างนอกมีอะไรดี?

ข้าแค่อยากจะกลับไปที่เมืองดีฌงโดยเร็วที่สุด และทำลายผนึกของผู้สร้างต่อไป สำหรับข้าแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทำลายผนึก

“ไปเถอะ ฉันไม่กล้าไปคนเดียว” เฮปเบิร์นดึงแขนเสื้อของข้า

“ไม่ไป” ข้านอนอยากเกียจคร้านและไม่ขยับตัว

“จะไปหรือไม่ไป?” สีหน้าของผู้รับใช้ แปรเปลี่ยนเร็วราวกลับพลิกหน้ากระดาษ

เมื่อมองดูมือที่เข้ามาใกล้ใบหน้า ออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องขอยอมแพ้

ค่ำคืนในเมืองหลวงเจียหม่านดูมีชีวิตชีวามาก บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา ร้านค้าทั้งสองฝั่งถนนก็แน่นขนัดไปหมด นี่อาจเป็นเพราะเทศการเฉลิมฉลองกำลังใกล้เข้ามา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก ในการที่จะหาร้านอาหาร

“เฮปเบิร์น ฉันหิวแล้ว” หลังจากเดินไปได้ไม่นาน ข้าก็แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว เฮปเบิร์นซึ่งกำลังมองสิ่งต่างๆ ในบริเวณนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก็พลันกลอกตามองข้า แล้วพูดว่า “เจ้าทำตัวดีๆ หน่อยได้ไหม”

“แต่ฉันยังเป็นเด็ก และต้องการปัจจัยในการเจริญเติบโต” ออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่กำลังจ้องเขม็งไปที่เธอ ด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ

เฮปเบิร์นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าเด็กชายตรงหน้าเธอ ซึ่งสูงเกือบเท่าตัวเธอนั้น มีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้น…เราไปหาร้านอาหารกันเถอะ”

เวลาคนเยอะก็ต้องเข้าคิว ซึ่งข้าไม่ชอบเลย แม้ว่าจะเจอร้านอาหารที่มีคนต่อคิวน้อยที่สุดก็ตาม

เฮปเบิร์นดูกระตือรือร้นมากขณะรอคิว เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเนื่องจากพวกเราออกมาเที่ยว จึงไม่ได้สวมชุดคลุมเวทมนตร์ออกมา ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะเธอสวยเกินไป จึงดึงดูดสายตาจากคนที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นครั้งคราว

“คนสวย กำลังต่อคิวเหรอ?” ในขณะนี้มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้น

ข้าหันกลับไปและเห็นชายหนุ่มแต่งตัวดีสองคนมายืนอยู่ข้างๆ เรา และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนพูด

เฮปเบิร์นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า

ชายหนุ่มยิ้มแล้วพูดว่า: “ถ้าไม่รังเกียจ ทำไมไม่มากินข้าวกับเราล่ะ? ผมจองห้องส่วนตัวไว้จะได้ไม่ต้องต่อคิว”

เมื่อข้าได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็อดแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้ และถามไปว่า: “ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องต่อคิวเหรอ? ทำไมเจ้าถึงไม่ต่อคิว? นี่มันไม่ยุติธรรมเลย”

นอกจากผิวที่ซีดเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มยังถือว่าค่อนข้างดี หลังจากฟังคำพูดของข้าแล้วเขาก็ยิ้ม พลางกล่าวว่า “น้องชาย ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน นั่นคือผู้แข็งแกร่งเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์”

ข้ามองไปที่เฮปเบิร์น: “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไม่ต้องเข้าแถวใช่ไหม? ฉันก็แข็งแกร่งเหมือนกัน!”

“ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน เฮปเบิร์นก็จับแขนของข้า พลางหันไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวว่า: “ได้โปรดอย่าสอนเด็กในทางที่ผิด พวกเราเข้าแถวเองได้”

ชายหนุ่มตกตะลึง และอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางกล่าวว่า: “ท่าทีที่ดูจริงจังของเธอ ดูสวยจริงๆ พวกเราพบกันโดยบังเอิญถือเป็นวาสนา เอาล่ะ ผมจะไม่สอนเรื่องไม่ดีให้เขา เรามาทานอาหารเย็นด้วยกันไหม?

เฮปเบิร์นส่ายหัว “ไม่”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเพื่อนของเขา

หลังจากที่พวกเขาจากไป เฮปเบิร์นก็หันมามองข้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าฟังที่เขาพูด”

“ฉันรู้” ข้าพูดอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อไหร่คุณจะทำตัวเป็นคนรับใช้ ให้มากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย? หลังจากรอไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเราก็ได้ทานอาหารเย็น

อาหารก็รสชาติงั้นๆ ไม่ได้อร่อยเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเราก็ค้นพบปัญหาหนึ่ง

“ออสติน มีเงินติดตัวบ้างไหม?”

“เงินสิ่งนั้นมันคืออะไร” ใช่ พวกเราทั้งคู่ต่างก็ไม่มีเงินเลย

เราอาศัยอยู่ในหอคอยมนตรามาเป็นเวลานาน ซึ่งสิ่งนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย! นักเวทมีปัญหาเรื่องเงินตั้งแต่เมื่อไหร่?

เฮปเบิร์นครุ่นคิดด้วยความลำบากใจอยู่นาน ก่อนที่เธอจะคิดวิธีแก้ปัญหาได้ : เธอให้ข้ารออยู่ที่นี่ ในขณะที่เธอกลับไปหาอาจารย์เพื่อขอเงินมาจ่ายค่าอาหาร

เฮปเบิร์นจากไป และข้าก็รออย่างเบื่อหน่าย จนพนักงานเสิร์ฟมองมาที่ข้าหลายครั้งแล้ว

ในขณะนี้ มีคนสองคนลงมาจากชั้นบน เป็นชายหนุ่มสองคนที่ชวนเรากินข้าวเย็นด้วยกันก่อนหน้านี้

“เฮ้ ทำไมนั่งอยู่คนเดียว? พี่สาวเจ้าอยู่ไหน?”

พี่สาวซะที่ไหน นั่นคือคนรับใช้ของข้า! แน่นอนว่าออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ จะไม่ยอมอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง เพราะข้าขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา จึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด

“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ!” ชายหนุ่มอีกคนพูดอย่างหยาบคาย

“ไปเอาเงิน” ออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่รังเกียจการโกหก

“ไม่ได้พกเงินมากินข้าว? พี่สาวของเจ้าไม่ได้หนีไปแล้วเหรอ? หลังจากกินอาหารจนอิ่มก็ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ นี่เป็นกลอุบายที่ลึกซึ้งมาก!

หากเจ้ารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า บางทีเจ้าอาจจะมากับเราก็ได้ เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย แต่ทำไมถึงกลายเป็นขโมยไปได้ล่ะ? “ชายหนุ่มคนแรก อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“แกบอกว่าใครเป็นขโมย!” ข้าพูดด้วยความโกรธ

เฮปเบิร์นคือคนรับใช้ของข้า แม้ว่าเธอจะเป็นคนโกหก แต่มีข้าเท่านั้นที่ตำหนิเธอได้!

“เจ้ายังพยายามแก้ตัวให้เธอ ในขณะที่เธอหนีไปแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นข้ากำลังโกรธ พวกเขาดูมีความสุขมาก

“เธอไม่ได้หนี เธอไปเอาเงิน!” ข้าพูดเสียงดัง

ในเวลานี้ หลายคนจ้องมองมาด้วยสายตาแปลกๆ และพนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามา


Share:

Related Posts:

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น

👨‍🏫นักแต่งนิยายจีน

A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U V W X Y Z

บทความล่าสุด

หน่วยเทพล่าอสูร : 💠ผนึกต้องห้าม