#นิยายผนึกเทพ1.5
ผนึกเทพบัลลังก์ราชันย์ ภาค1.5 : ตำนานเทพผู้พิทักษ์สวรรค์ (Side Story) |
![]() ตอนที่6 : การเปลี่ยนแปลง __________________________________ ชื่อของชายชราร่างผอมในชุดคลุมสีดำคือ ซีตี๋ ส่วนชื่อของชายชราร่างอ้วนในชุดคลุมสีแดงคือ จู้หรง พวกเขาทั้งสองคนได้กลายเป็นครูของข้า ข้าถูกพาออกไป พวกเขาบอกข้ามีเวลาสามวัน ให้กลับบ้านอยู่กับครอบครัว หลังจากนั้นจะต้องกลับมาศึกษาวิชาที่หอคอยมนตรา และไม่สามารถกลับบ้านได้ ข้าเกลียดชายชราในชุดขาวคนนั้นที่สุด เพราะเขาร่ายเวทมนตร์ใส่ ก่อนที่ข้าจะออกมา มันอาจส่งผลต่อความทรงจำ ซึ่งเขาทำก็เพื่อลบล้างความทรงจำเกี่ยวกับการที่ข้ามี 'ร่างเทวะ' แน่นอนว่าเขาจะให้ข้ารู้เพียงแค่เป็นอัจฉริยะก็เพียงพอแล้ว ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ความทรงจำของออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่เขาสามารถชักนำได้หรือ? เฮ้อ เมื่อกลับถึงบ้าน ใบหน้าของข้าเต็มไปด้วยน้ำลายและยังถูกหนวดเคราทิ่มแทงอีกครั้ง หลังจากพวกเขารู้ว่าข้าเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนเวทมนตร์ พวกเขาทั้งหมดก็แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว เฮปเบิร์นเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนสูงของข้า แววตาของเธอนั้นมันคืออะไร? เป็นเพราะความสูง หรือเพราะข้าหล่อขึ้น? พวกเขาบอกว่าตอนนี้ข้าสูงเท่ากับเด็กอายุแปดหรือเก้าขวบแล้ว ถ้าข้าไม่บอกออเดรย์ว่าหิวข้าว เธอก็คงไม่เลิกกอด เลิกจูบเสียที ในขณะที่เธอจูบ ก็ยังบ่นอีกว่าใบหน้าของข้าดูไม่มีน้ำมีนวลเหมือนเมื่อก่อน ตรรกะนี้คืออะไร? จากคำพูดของพวกเขา ความจริงที่ว่าผู้หญิงสองคนนี้ร้องไห้ทันที ที่ข้าออกมาจาก หอคอยมนตรา ทำให้รู้ว่า การตื่นในครั้งนี้ของข้าใช้เวลาไปถึงสามวันสามคืน แต่เวลาในระนาบนี้จะนับเป็นอะไรได้ จนกระทั่งตกกลางคืน ในที่สุดก็ได้ล้างหน้าล้างตา จ้องมองตัวเองผ่านกระจก นี่ข้าโตขึ้นกว่าเดิมมาก ภายในใจก็รู้สึกมีความสุขเล็กน้อย ใช่ วิวัฒนาการมันได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้สร้าง เจ้ารอดูเถอะ รอให้ข้าทำลายผนึกทั้งหมดเสียก่อนเถิด ฮึ่ม! ข้าต้องพัฒนาต่อไปและทำลายผนึก ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปลุกจิตสำนึกต้นกำเนิดให้มากกว่านี้ และการทำสมาธินั้นก็เป็นทางเลือกที่ดูดีทีเดียว จากนั้นข้าจึงนั่งบนเตียงและพยายามทำสมาธิอีกครั้ง ภายนอก หอคอยมนตรา ธาตุต่างๆ ในอากาศเบาบางลง อย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่เริ่มทำสมาธิ ข้าสัมผัสได้ว่าความก้าวหน้านั้นแย่ลงกว่าเดิมมาก มันไม่ดื่มด่ำอย่างที่เคยเป็นมา ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ชายชราเหล่านั้นยืนกรานที่จะให้ข้าเข้าไปฝึกฝน ในหอคอยมนตรา เพราะอย่างนั้นข้าจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจ ด้วยจิตสำนึกของข้า สามารถควบคุมธาตุมืดและธาตุไฟภายในร่างกายได้อย่างอิสระ และในเวลานี้เองที่ร่างกายของข้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันรู้สึกคันตามร่างกาย และเหมือนบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป มีอะไรผิดปกติ? ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จากนั้นรีบลืมตาแล้ววิ่งไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ส่องดูตัวเองในกระจก ทันใดนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ ที่พบว่ามีชั้นสีม่วงพิเศษปรากฏบนผิวของข้า จากนั้นชั้นสีม่วงเหล่านั้น ก็กลายเป็นจุดสีม่วงซึ่งดูน่ากลัวเล็กน้อย แต่ข้าไม่ได้กรีดร้อง เพราะข้าคือออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ ในความรู้สึก ดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย มันน่าจะเกิดขึ้นจากวิวัฒนาการของร่างกาย และดูเหมือนว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดจากร่องรอยของพลังต้นกำเนิดของข้า มันตื่นขึ้น มันไม่ได้ปรากฏ ในหอคอยมนตราก่อนหน้านี้ แต่หลับมาปรากฏหลังจากกลับมาบ้าน อาการคันเริ่มกลายเป็นความเจ็บปวด เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว จนล้มกลิ้งลงกับพื้น ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้ร้องออกมาสักคำ เพื่อไม่ให้ ออสซีย์ กริฟฟิน และออเดรย์ได้ยิน ทั้งร่างกายเริ่มกระตุก มันเจ็บมาก เจ็บไปถึงกระดูก แต่สิ่งที่ทำให้ข้ามั่นใจก็คือ ข้าสัมผัสได้ว่าสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ กระดูกเริ่มส่งเสียง “แคร๊ก” หากเป็นแค่เสียงก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ความเจ็บปวดที่มาพร้อมเสียงนั้นรุนแรงยิ่งกว่า คลื่นแห่งความเจ็บปวดถาโถมเข้ามา แต่จิตสำนึกของข้าก็ชัดเจนมากขึ้น ข้ายังรู้สึกได้ว่าธาตุไฟและธาตุมืดในอากาศ กำลังพุ่งเข้าใส่ร่างกายอย่างบ้าคลั่ง พวกมันกำลังหลั่งไหลเข้าไปในกระดูกทุกส่วน กล้ามเนื้อทุกตารางนิ้วในร่างกาย ดูเหมือนว่ามันกำลังหล่อเลี้ยงร่างกายของข้าอยู่ ร่างกายบิดเบี้ยวล้มกลิ้งอยู่บนพื้น มันเจ็บมากเกินไป เจ็บมากเกินไปจริงๆ บัดซบ มันต้องเป็นตราประทับของผู้สร้างแน่ๆ ที่ทำให้ข้าต้อง ทรมานแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะผนึก ข้าแน่ใจว่าคงไม่เป็นแบบนี้ ผู้สร้าง ข้าเกลียดเจ้า! จนกระทั่งท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆ สว่างขึ้น ความเจ็บปวดในร่างกายก็ค่อยๆ หายไป พอได้สติ ก็รู้สึกอ่อนล้าไปทั้งร่าง และเมื่อข้าบังเอิญเห็นตัวเองในกระจก ก็ต้องตกตะลึง และความกลัวก็เข้าครอบงำในสมองทันที นั่นคืออะไร? นั่นคืออะไร? เสียงที่เหมือนกันสองเสียง ดังขึ้นจากร่างกายของข้าพร้อมกัน สิ่งที่ปรากฏในกระจกคือสัตว์เลื้อยคลาน ยาวประมาณ 1.5เมตร สูงกว่าความสูงเดิมของข้าเล็กน้อย แต่มีสองหัวและทั้งตัวมีเกล็ดสีม่วงเข้มปกคลุมทั้งตัว ลักษณะของหัวทั้งสองเหมือนกัน แต่สีของดวงตา แตกต่างกัน ตาของหัวหนึ่งเป็นสีแดง ส่วนตาของอีกหัวหนึ่งเป็นสีดำ ข้าขยับหัวโดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าหัวทั้งสองในกระจกก็ขยับตามด้วยเช่นกัน ข้าขยับครั้งหนึ่ง พวกเขาก็จะขยับตามครั้งหนึ่ง ข้า ข้า ข้ากลายเป็นสัตว์เลื้อยคลานเหรอ? จิตสำนึกต้นกำเนิด ดูเหมือนกำลังจะบอกว่า นี่คือสิ่งที่ข้าเป็น นี่คือออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่ามันได้รับอิทธิพลมาจากสุนทรียภาพของมนุษย์หรือเปล่า จึงทำให้คิดว่าสภาพแบบนี้ มันดูน่าเกลียดจริงๆ! ข้าไม่อยากเป็นแบบนี้ ไม่อยากเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มันน่าเกลียดเกินไป มันน่าเกลียดจริงๆ ในขณะที่ข้ามีความคิดแบบนี้ ร่างกายก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันปกคลุมไปด้วยรัศมีสีม่วง จากนั้นเกล็ดบนร่างกายของข้า ก็ค่อยๆ จางลง หางเริ่มหด และหัวทั้งสองก็ประกบเข้าหากันตรงกลาง ลำตัวข้าในกระจกดูเหมือนเลือนลาง และในชั่วพริบตา ก็กลับกลายมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ข้าหยิกใบหน้าตัวเอง เป็นมนุษย์ มันยังดูเจริญหูเจริญตากว่า ใช่แล้วเจริญตามากกว่าจริงๆ ข้าหอบหายใจแรง พยายามสงบความกลัวในใจ ดี ๆ ๆ ข้ายังเป็นมนุษย์อยู่ ค่อยๆ นั่งลงบนพื้น เฝ้ามองแสงอรุณนอกหน้าต่าง และค่อยๆ สงบสติลง หลังจากสงบสติอารมณ์ลง คำถามแรกที่ปรากฏคือ: รูปร่างเมื่อกี้นี้มาจากไหน และทำไมข้าถึงกลายเป็นแบบนั้น? ในจิตสำนึกต้นกำเนิดบอกว่า นั่นแหละคือข้า ออสติน กริฟฟินตัวจริง แต่ทำไมออสติน กริฟฟินผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้น่าเกลียดขนาดนั้น? ทำไม? ทำไมมันดูไม่ยิ่งใหญ่และอหังการเลย! “จงกลายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน!” ข้ากำลังสั่งตัวเอง ไม่มีการตอบสนอง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากร่างกาย ดูเหมือนร่างกายของข้า มันไม่รู้จักสัตว์เลื้อยคลาน หรือจริงๆ แล้ว ข้าไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลาน? ดีจริงๆ อดถอนหายใจด้วยความโล่ง อกไม่ได้ ลองอีกครั้ง “แปลงร่าง!” ร่างกายของข้าเริ่มมีปฏิกิริยา จากนั้นจุดแสงสีม่วงก็โผล่ออกมาจากผิวหนัง ครั้งนี้มันไม่เจ็บแล้ว ทุกอย่างดูราบรื่นขึ้น และร่างกายของข้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ครั้งนี้ข้ามีสติ สัมปชัญญะสมบูรณ์ มีสติพอที่จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ใช่แล้ว ข้ากำลังเปลี่ยนจากร่างมนุษย์เป็นร่างอื่น มันไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลาน สัมผัสถึงเสียงสะท้อนบางอย่างจากในร่างกาย และเสียงสะท้อนนี้ทำให้เกิดเสียงพิเศษ คิเมียรา คิเมียรา คิเมียรา ... นี่คือชื่อเรียกร่างกายของข้าหรือ? คิเมียรา? คิเมียราที่มีสองหัว เป็นมังกรหรือป่าว? ข้าจำได้ลางๆ ที่ผู้สร้างบอกว่ามังกร เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาเคยสร้างมา และชื่อเดิมของมัน ที่เขาต้องการตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตนี้คือ คิเมียรา แต่เขาเปลี่ยนเป็นมังกรในภายหลัง เป็นไปได้ไหมว่า มังกรที่เขาสร้างนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยมีข้าเป็นต้นแบบ? แต่มองยังไงก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์เลื้อยคลานอยู่ดี จริงๆ แล้วข้าควรจะเป็นคิเมียราสองหัวงั้นเหรอ? หลังจากเปลี่ยนร่างแล้ว ข้าก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง ประการแรกเลยคือการเปลี่ยนแปลงของพละกำลัง ไม่ว่าจะเป็นหัว หาง หรือกรงเล็บ ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าร่างมนุษย์ก่อนหน้านี้มาก ประการที่สองคือการเปลี่ยนแปลง ในการเหนี่ยวนำธาตุมืดและธาตุไฟ ดูเหมือนว่าหัวทั้งสองนี้ จะสามารถรับรู้ถึงองค์ประกอบแยกกัน การรับรู้และจัดการกับองค์ประกอบ มันง่ายและราบรื่นขึ้นกว่าเดิมมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อข้าแปลงร่างเป็นคิเมียราสองหัว ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะข้าน่าเกลียดหรืออ่อนแอ แต่เป็นเพราะข้าถูกผนึกโดยผู้สร้าง! ด้วยการปลุกพลังเพียงเล็กน้อย ก็กลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ หากข้าปลุกพลังให้มากขึ้นและพัฒนาต่อไปล่ะ? รูปร่างหน้าตาของข้าคาดว่าจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ เมื่อร่างกายพัฒนาขึ้น จิตสำนึกก็ดูเหมือนจะชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สิ่งนี้มันจะทรงพลังมาก แต่คงต้องหยุดไว้ก่อน รอให้กลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือใครเมื่อไหร่ ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง! |
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น